"แอนนา-พุดเดิ้ล" เผยมีอาการทางประสาท โรคกลัวรูปแตงโม

2022-09-14 11:00:13

"แอนนา-พุดเดิ้ล" เผยมีอาการทางประสาท โรคกลัวรูปแตงโม

Advertisement

แม้ตัวจะจากไปแต่ยังคงได้รับความรักและความคิดถึงอย่างมากมาย จากคนใกล้ตัวและแฟนคลับ สำหรับนักแสดงสาว แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ซึ่งในวันนี้13 กันยายน เป็นวันคล้ายวันเกิดเธอ โดยในปีนี้เพื่อนสนิทอย่าง แอนนา-พุดเดิ้ล ได้มาเปิดใจกับ หนูแหม่ม สุริวิภา ในรายการโต๊ะหนูแหม่ม ว่าได้จัดทำของขวัญพิเศษให้กับเพื่อนรักเป็นที่เรียบร้อย



วันเกิดแตงโมทำอะไรให้เป็นพิเศษ?

ก็จะมีทำรถพยาบาลให้เป็นคันที่ 2 เพิ่งจะเสร็จสดๆ ร้อน ตั้งใจมากที่จะเป็นของขวัญพิเศษให้กับเพื่อนสาวโดยเฉพาะเลย ซึ่งถ้าเรายังทำมาหากินและราบรื่นอยู่แบบนี้เราก็จะทำไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็เป็นการช่วยเพื่อนมนุษย์ และแตงโมเองก็อยากทำอะไรแบบนี้มานาน ซึ่งแต่ละคันราคาก็ไม่น้อย ต้องแบ่งเวลากันขายของไลฟ์สดเที่ยงวันยันเที่ยงคืนทุกวันไม่มีวันหยุด เพื่อที่จะหล่อเลี้ยงทั้งชีวิตของเรา และเพื่อที่จะทำสิ่งพิเศษที่สุดสำหรับเพื่อน



ทุกวันนี้ยังคิดถึงไหม?

ยอมรับว่าทุกวันนี้มีอาการทางประสาท หนูเป็นโรคกลัวรูปแตงโม เวลารูปแตงโมเด้งขึ้นมาหนูจะกลัว หนูไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่ทุกครั้งที่เห็นแล้วเราเสียใจ มันเป็นเหมือนจิตและสมองเราบอกว่าในวันที่เราได้รับข่าวร้ายเหมือนกัน เวลาภาพที่แตงโมงเด้งขึ้นมาเราจะแว๊บขึ้นมาว่าเราเสียใจ มันซ้ำๆ อยู่แบบนี้ ซึ่งไม่ได้มีแค่ความคิดถึงทั้งเสียใจและเสียดายโอกาสหลายๆ อย่าง

รับมือกับอารมณ์นี้ยังไง?



เวลาเจอก็จะคิดว่าเค้าเป็นนางฟ้าไปแล้วเค้าไปสบายแล้วก็ทำใจได้ ซึ่งเราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำสิ่งพิเศษสำหรับแตงโมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก่อนที่เค้าจะไปเค้าจะบอกเราเสมอว่าถ้ามีอะไรเราต้องรีบทำถ้าเราอยากทำอะไร มันก็เป็นแรงผลักดันให้กับเราเพราะเราไม่รู้ว่าจะตายวันไหน แต่ถ้าเรามีชีวิตอยู่วันไหนแตงโมจะบอกเสมอว่าถ้ามีอะไรให้ดีกัน อยากให้อภัยกันก็ให้อภัยเลย

มีอะไรเราเปิดใจพูดคุยกัน มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เหมือนเราไปเที่ยวด้วยกัน จะเปิดใจพูดมาทุกอย่างมันทำให้พวกหนูคิดได้ว่าเราชอบขายของ และเราก็มาเปิดไลฟ์ขายของดีกว่า ซึ่งแต่ก่อนแตงโมก็บอกว่าเธอมาอ่านข่าวทำไมเธอไม่ดังหรอกก็คือเรื่องจริง ทำไมเราไม่ไปทำสิ่งที่ถนัดขายของเราถนัดอย่างอื่น ทำไมไม่ไปทำในสิ่งที่เราชอบด้วย เป็นคำพูดของเพื่อนครั้งสุดท้าย



เข้าวงการนางแบบได้ยังไง?

คือหนูมีเอเจนซี่ทักเข้ามา ซึ่งเค้าทำเอเจนซี่อยู่ในต่างประเทศสนใจไหมถ้าสนใจก็เสนอโปรไฟล์ไปได้ แต่ว่าเค้าจะคิดค่าใช้จ่ายเราเดือนเท่านี้ๆ เราก็บอกว่าโอเคเราไหวเราสู้แต่เราก็ไม่คิดว่าเราจะได้งานจริงๆ ซึ่งเค้าบอกว่าเค้ามี Collection สรุปเดือนมิถุนายนเป็นเดือนแอลจีบีทีเป็นเดือนแรกที่เราสามารถไปเดินแบบและถ่ายแบบที่อินเดีย ซึ่งถามว่าคุ้มไหมกับการได้เงินมันไม่คุ้ม แต่ไปแล้วเราได้ภาพลักษณ์ที่มีค่ามากกว่าเงิน ความฝันมีค่ามากกว่าเงิน



ซึ่งความยากลำบากมันอยู่ที่ ตอนที่เราไปก่อนหน้านั้นสองวันแล้วตัดสินใจเอาหน้าอกออก ซึ่งเขาประทับใจในสิ่งนี้ที่เราเป็นนักสู้ เพราะตอนแรกเกือบจะไม่ผ่านแล้วด้วยความที่เราเดินแบบไม่เก่ง ซึ่งเราก็สอนไปเรื่อยๆ แล้วเค้าถามว่าทำไมเดินไม่หยุด จนเราบอกว่าเราจะเดินไปจนกว่าคุณจะรับเรา และสุดท้ายเค้าก็รับ