กุมารแพทย์เตือน RSV ระบาด คร่าชีวิตเด็กแล้ว 1 ราย

2022-09-13 10:37:02

กุมารแพทย์เตือน RSV ระบาด คร่าชีวิตเด็กแล้ว 1 ราย

Advertisement

กุมารแพทย์เตือน RSV ระบาด คร่าชีวิตเด็กแล้ว 1 รายที่โคราช กลุ่มมีโรคประจำตัวเสี่ยงสูงอาการรุนแรง

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.65 นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจและบำบัดวิกฤต  รพ.มหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเพจ Jiraruj Praise ระบุว่า  สุดยื้อ  RSV เสียชีวิตแล้ว 1 คน เป็นการเปิดเกมในฤดูระบาดในเมืองโคราชที่โหดมาก กลุ่มที่มีโรคประจำตัว อย่างเช่นเคสนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะอาการรุนแรงมาก ถ้าไม่หยุดการระบาดนี้ เคสที่ 2 3 4 ตามมาแน่นอน เพราะเรามีเด็กที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง รักษาอยู่เป็นจำนวนมาก และกลุ่มนี้ก็ได้รับผลกระทบโดยตรง

ใครบ้างที่เสี่ยงเจออาการรุนแรง?

-อายุน้อยกว่า 1 ปี

-โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง

-โรคหัวใจแต่กำเนิด

-โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ

-โรคระบบประสาทผิดปกติ

-โรคความผิดปกติทางพันธุกรรมเช่นดาวน์ซินโดรม

เด็กโตๆที่ไปโรงเรียนอาจไม่มีปัญหา เป็นเพียงแค่หวัดเล็กน้อย หรือเพียง ไอมีเสมหะมาก แต่หากเด็กเหล่านี้ นำเชื้อกลับไปติด เด็กในกลุ่มดังกล่าว คงไม่ต้องบรรยายต่อเลยนะครับ คุณผู้ปกครองท่านใดที่ลูกเคยป่วยด้วยเชื้อนี้แล้ว คงจะทราบดีว่า เด็กจะได้รับความทุกข์ทรมานมากขนาดไหน หากอาการรุนแรง ตอนช่วงยุคโควิดระบาด เรายังไม่เจอเด็กที่เสียชีวิต หรือได้รับความเจ็บป่วย อย่างทุกข์ทรมานจากระบบหายใจล้มเหลว บ่อยเท่าช่วงนี้เลยนะครับ โควิดจางลงไปแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราละเลยการป้องกัน แล้วปล่อยให้ เชื้อไวรัสในระบบหายใจ อย่างเช่น RSV ระบาดแบบนี้ เด็กในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงผู้สูงอายุ ก็มีความเสี่ยงที่จะป่วยอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน ปัจจุบันเชื้อตัวนี้ อยู่กับเรามาหลายสิบปี ยังไม่มียารักษา ไม่มีวัคซีนป้องกัน ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการประคับประคองล้วนๆ ส่วนการป้องกันก็แบบเดิมนี่แหละครับ สวมหน้ากากล้างมือ ไม่ปล่อยให้เด็กที่ป่วยมีไข้ไม่สบาย เข้าไปในเนอสเซอรี่ ส่วนเด็กโตที่ป่วยหรือไม่สบาย คนสวมหน้ากากล้างมือ และไม่ไปสัมผัสเด็กเล็กหรือเด็กที่มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรง ขอให้ทุกท่านช่วยกันนะครับ เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการระบาด เขาเริ่มขยับแล้วล่ะครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ประชาชนแบบพวกเราทุกคนที่ต้องตระหนักเรื่องนี้นะครับ หากโพสต์นี้สร้างความกลัวให้กับใครก็ตาม ผมต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่ผมคิดว่านี่คือความจริงที่ต้องตีแผ่ และควรได้รับรู้ เพื่อให้ทุกคนตระหนัก จะช่วยกันสำหรับสถานการณ์นี้ ขอให้ทุกๆท่านโชคดีรอดพ้น ช่วงเวลาของการระบาดนี้

คำแนะนำเบื้องต้นในการ ดูแลบุตรหลาน หากติดเชื้อ RSV

สิ่งนี้ผมทำมาตลอด ใน การรักษาคนไข้ และดูแลลูกของผมเองเมื่อติดเชื้อ ในเด็กอายุน้อยๆ เช่นต่ำกว่า 2 ปี หากสงสัยว่าติดเชื้อ RSV และมีน้ำมูกมาก

1. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดน้ำมูกทุกชนิด เพราะยาจะทำให้น้ำมูกเหนียว และเสมหะเหนียว หากมีการติดเชื้อในหลอดลม เสมหะจะมีปริมาณมากและเหนียว ทำให้ไอออกยากมากขึ้น และอาจเป็นสาเหตุให้ต้องไปนอนโรงพยาบาลพ่นยาและดูดเสมหะ

2. ในเด็กเล็ก ที่ป่วยและมีประวัติสัมผัส ผู้ป่วย RSV  ชัดเจน หากอาการหลักอยู่ที่จมูกและคอหอย เช่นน้ำมูกมาก อาการไอส่วนใหญ่จะเป็นจากน้ำมูกไหลลงคอ หากยังไม่หายใจหอบ ควรหลีกเลี่ยงการพ่นยาละอองฝอย โดยไม่จำเป็น เพราะละอองฝอยขนาดเล็กนี้ อาจเป็นเหตุนำพาเชื้อ จากโพรงจมูกส่วนบน ลงไปยังจมูกส่วนล่าง ผ่านการพ่นยา ยิ่งถ้าเด็กไม่ให้ความร่วมมือในการพ่น ร้องหรือสำลักระวังพ่นยา ก็ยิ่งมีโอกาส พาเชื้อลงสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง เว้นแต่มี อาการของหลอดลมหดเกร็ง หายใจมีเสียงวี๊ด จากการตรวจร่างกาย อันนี้ก็อาจจำเป็นจะต้องใช้ยาพ่นละอองฝอย ซึ่งขอให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ผู้ดูแลณจุดนั้น สิ่งสำคัญนั่นคือ ควรเน้นเรื่องการเคลียร์ น้ำมูกในโพรงจมูก ผมย้ำเรื่องนี้เสมอ ทันทีที่มีน้ำมูก

3. ในช่วงที่มีการติดเชื้อ อย่าให้ขาดน้ำเป็นเด็ดขาด พยายามดื่มน้ำหรือจิบน้ำให้บ่อยๆ เพราะภาวะขาดน้ำ จะยิ่งทำให้เสมหะแห้งและเหนียว ทำให้การไอเอาเสมหะออกมาทำได้ยาก อาจเป็นเหตุให้เด็กต้องไปรับการรักษาในโรงพยาบาล

4. จัดการกับภาวะไข้สูง อย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่ของเด็กที่ติดเชื้อ RSV จุดเริ่มต้นมักมีอาการไข้สูง ซึ่งไข้ที่สูง จะเป็นเหตุให้มีกระบวนการเมตาบอลิซึมที่สูงขึ้น มีการเพิ่มขึ้นของ คาร์บอนไดออกไซด์ หากการหายใจได้ไม่ดี อันเนื่องมาจากทางเดินหายใจ อักเสบบวมเสมหะมาก จากการติดเชื้อ การระบายก๊าซดังกล่าวจะทำได้แย่ลง และอาจทำให้อาการเด็กทรุดหนัก การลดไข้จึงเป็นสิ่งสำคัญ และควรรีบทำโดยเร็ว วิธีการก็คือพื้นฐานเลยครับ การเช็ดตัว การใช้ยาลดไข้ พาราเซตามอล ในขณะที่เหมาะสม จะสามารถบรรเทาอาการไข้ ช่วยลดความรุนแรงของตัวโรคลงได้ครับ

4 ข้อนี้ เป็นหลักการพื้นฐานในการดูแล ที่ผมแนะนำผู้ป่วย และใช้มาตลอดในระยะเวลานับ 10 ปี ที่ผมได้ดูแลผู้ป่วย และดูแลลูกของผมเองเมื่อติดเชื้อ หากทำได้ทุกอย่างแล้วไม่ดีขึ้น มีอาการหายใจหอบมากขึ้น หายใจอกบุ๋ม กินได้น้อย ไม่ยอมกินโดยเฉพาะน้ำและนม แนะนำว่าควรไปพบแพทย์โดยด่วนนะครับ

ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว สำหรับการระบาด ของเชื้อ RSV ในระลอกนี้ อดทนไว้ครับ ในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า น่าจะเริ่มเบาบางลง ซึ่งก็จะตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี เป็นลักษณะที่พบมานานแล้วครับ หวังว่าข้อความ ข้างต้นนี้ จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้ปกครองทุกท่าน สำหรับการดูแลบุตรหลานของตนเองนะครับ ขอให้ทุกท่านปลอดภัย


ขอบคุณเพจ Jiraruj Praise