กรมราชทัณฑ์แจงกรณีเรือนจำพะเยาขออำนาจศาลเรียกตัวอดีตผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวกลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือน
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 กรมราชทัณฑ์ ระบุว่า จากกรณีที่นายธีรพิพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้ซึ่งเคยต้องโทษอยู่ที่เรือนจำจังหวัดพะเยา เข้าขอความเป็นธรรมหลังจากเรือนจำจังหวัดพะเยา ได้มีหนังสือให้ศาลจังหวัดพะเยา แจ้งให้กลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือน ซึ่งหลังจากปล่อยตัวอภัยโทษ ประมาณ 11 วัน ได้มีหนังสือไม่อนุมัติเลื่อนชั้นในเดือน ต.ค.64 ซึ่งทางเรือนจำได้ปล่อยตัว นายธีรพิพัฒน์ เมื่อวันที่ 7 ก.พ.65 ไปแล้ว นั้น กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่ากระบวนการเลื่อนชั้น เริ่มต้นตั้งแต่เรือนจำจัดประชุมคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดประจำเรือนจำ และเรือนจำส่งเอกสารรายงานการเลื่อนชั้นมายังกรมราชทัณฑ์จากนั้นกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาการอนุมัติตามกำหนดเวลา แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา ของเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพะเยา เคยพิจารณาว่าอนุมัติการเลื่อนชั้นได้ จึงได้คิดคำนวณโทษตามหลักการเลื่อนชั้นเป็นชั้นเยี่ยม จึงเป็นเกณฑ์การพิจารณาปล่อยตัวก่อนกำหนดโทษที่เหลืออีก 7 เดือน หลังจากที่มีการพิจารณาปล่อยตัวไปแล้ว กระทรวงยุติธรรม ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 ก.พ.65 แจ้งผลการพิจารณาไม่อนุมัติการเลื่อนชั้นของกลุ่มนักโทษดังกล่าวตามหลักการ และกรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือลงวันที่ 18 ก.พ.65 แจ้งผลไม่อนุมัติเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดของเรือนจำจังหวัดพะเยา ส่งผลให้การพิจารณาการเลื่อนชั้นของนายธีรพิพัฒน์ ที่ผ่านมาไม่ได้รับการเลื่อนชั้น ทำให้ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออยู่ต่อไป ทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดพะเยา จึงได้แจ้งนายธีรพิพัฒน์ ถึงผลการไม่อนุมัติการเลื่อนชั้น และให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทางเรือนจำ จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้นายธีรพิพัฒน์กลับมารับโทษที่เหลือต่อไป โดยศาลมีรายงานกระบวนการพิจารณาตามคดีหมายเลขดำที่ อ 651/2560 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 405/2560 ลงวันที่ 31 พ.ค.65 วรรคท้าย ให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่จำนวน 7 เดือน 29 วัน อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่าได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบหรือไม่อย่างไร
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวนี้เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย โดยมิได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกรณีดังกล่าวมีนักโทษเด็ดขาดขอพิจารณาการเลื่อนชั้น จำนวน 71,754 ราย โดยใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จึงไม่อนุมัติให้เลื่อนชั้น ทำให้เรือนจำจังหวัดพะเยาและเรือนจำอื่นๆ ที่อยู่ในหลักเกณฑ์การขออนุมัติ ก็มิได้รับการอนุมัติด้วยเช่นกัน สำหรับในส่วนของเรือนจำจังหวัดพะเยา จำนวน 241 ราย มีผู้ต้องขังเพียง 2 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัว ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องกลับมารับโทษจำคุกต่อและ 1 ใน 2 ราย ได้กลับเข้ามารับโทษจำคุกต่อแล้ว สำหรับนายธีรพิพัฒน์ ปฏิเสธการกลับเข้ามาคุมขังภายในเรือนจำ จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว