กรณีที่เมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) ศาลอาญามีการไต่สวนพิจารณาการประกันตัว “นายอภิดิศร์” หรือ “เอ็ม” นักธุรกิจเจ้าของบริษัทใหญ่ ก่อเหตุกระทำชำเราดาราสาวเราในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ย่านนาคนิวาส 2 โดยในศาล คู่กรณีดาราสาว ได้เปิดคลิป 3 คลิป เพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ล่วงละเมิด แต่เป็นการสมยอม ขณะที่ดาราสาวยอมรับว่าเห็นคลิปแล้วสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย ขณะที่ “ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด” มั่นใจว่าคลิปที่คู่กรณีนำมาใช้จะเป็นประโยชน์กับลูกความของตัวเอง
รายการโหนกระแสวันที่ 6 ก.ย. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ เอ ดาราสาวผู้เสียหาย , บี พี่สาวผู้เสียหาย และทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด
หลังจากวันนั้นที่มาออกโหนกระแสเป็นยังไงบ้าง?
เอ : สภาพจิตใจก็ย่ำแย่เหมือนเดิม แต่ว่าก็ยังดีที่การทำงานหรือเรื่องคดีมันเร็วขึ้น
น้องเป็นนักแสดงอิสระ ทำเพลงด้วย แล้วไปรู้จักผู้ชายคนนี้ เขาบอกว่าเป็นถึงหลานอดีต รมต. มีการชักชวนกันบอกจะลงทุนทำเอ็มวีให้ เรากับพี่สาวทะเลาะกัน พี่สาวธรรมดาต้องไปด้วยทุกครั้ง?
เอ : ไปด้วยทุกครั้งค่ะ แต่พอทะเลาะกันก็เป็นเหตุให้เราไปเจอเขาคนเดียว
เขานัดให้ไปหาที่สถานที่แห่งนึ่ง ที่นาคนิวาส เหมือนพูลวิลล่า?
เอ : มันเป็นแบบนั้นค่ะ มันไม่ใช่โรงแรมม่านรูด ด้วยความเราตั้งใจไปคุยงาน เขาก็เป็นนายทุน เขาเอาอะไรมาให้เราดื่ม เราก็ไม่ได้มีความหวาดระแวงเขา เพราะเขาไม่รู้พฤติกรรมเขาว่าจะมาทำแบบนี้กับเรา พอเกิดเรื่องแบบนี้ ณ ตอนนั้นหนูยังไม่รู้เลยว่าหนูโดนเขาวางยาข่มขืน แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีตรงนั้นเลย
น้องบอกว่านำโซจูมา 5 ขวด 2 ขวดเปิดดื่มกันสองคน แก้วที่ใช้เป็นแก้วของโรงแรม?
เอ : ตอนนั้นมันจำได้ลางๆ ภาพปะติดปะต่อค่ะ แต่ ณ ตอนนั้นไม่รู้ว่าสลบ แต่ในคลิปหนูก็งงตอนที่เขาถ่ายมา หนูถือขวดน้ำอยู่ด้วย หนูก็จำไม่ได้เหมือนกัน
รู้ตัวอีกที ตื่นมาในโรงแรมตอนเช้า พี่สาวมาตามถึงโรงแรม?
บี : ใช่ค่ะ ไปตั้งแต่แรกๆ เลยที่รู้ว่าน้องไปที่นั่น แต่ว่าเข้าไปไม่ได้ค่ะ เขาไม่ยอมให้เข้าไปค่ะ ตร.ก็ไปยืนอยู่ข้างหน้ารีสอร์ตด้วยกัน ก็เข้าไปไม่ได้ หนูเข้าไปสองรอบ หนูเข้าไป ห้าทุ่มนิดๆ แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าน้องเข้ามาหรือยัง ณ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าน้องอยู่ห้องไหน เช็กดูแล้วเผื่อน้องยังไม่มา เรารู้ว่าน้องไปนั่งรอเขาอีกที่ที่โรงแรมแถวๆ ทองหล่อ เราก็เลยขับรถมาที่ล็อบบี้โรงแรม จนมาเจอพนักงาน เขาบอกว่ามีคนมารับน้องแล้ว เราก็เลยกลับไปที่รีสอร์ตนั้นอีกรอบค่ะ คราวนี้เจอรถค่ะ แต่ไม่สามารถไปทำอะไรได้ เราก็โทรแจ้งตร.เพื่อให้มาช่วยน้อง
วันนั้นได้เจอคู่กรณีมั้ย?
บี : ไม่เจอค่ะ เห็นแต่คนขับรถเขา
ทนายตั้ม : ต้องอธิบายก่อน ที่เขารู้ว่าตัวน้องสาวไปที่ไหนยังไง เขาเข้าไอจี เขาเป็นแอดมินด้วย เขาจะรู้ว่ามีการนัดหมายที่ไหน มีการส่งโลเกชั่นให้ในข้อความ เขาเลยไปดักก่อน
เรารู้ความเคลื่อนไหวของน้องจากการเข้าไปดูการพูดคุย?
บี : ใช่ค่ะ แล้วก็จากจีพีเอส ก็จะรู้ว่าน้องอยู่ตรงไหน
ตอนแรกไม่รู้เลยว่าถูกล่วงละเมิด?
เอ : ไม่รู้ค่ะ แล้วตอนที่อยู่ในห้องคิดว่าตัวเองปกติ ที่จำได้ชัดเจนคือไปกับเขา ไปนั่งคุยงาน เขามีการให้เราชน คุยงาน มีการเปิดเพลงให้เขาฟังด้วย ว่าเพลงเราเสร็จแล้ว เพื่อให้เขามาลงทุนเป็นสปอนเซอร์เพลงถ่ายเอ็มีให้ แล้วไทร์อินสินค้าเขาให้มาอยู่ในเอ็มวี เราก็คุยเป็นโปรเจกต์งานแบบนี้เลย นี่คือรายละเอียดที่จำได้
เหมือนความทรงจำสุดท้ายที่เราพอจะจำได้?
เอ : เราพอจะจำได้ แล้วก็ออกไปโดยที่เราก็จำได้ว่าเราเรียกแกร็บออกไปค่ะ
หลังจากนั้นรู้ตัวอีกทีว่าถูกล่วงละเมิดคือที่บ้าน?
บี : ตอนนั้นน้องก็ไม่รู้ เขาเข้าห้องน้ำ คิดว่าเป็นตกขาว แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าใช่ตกขาวมั้ยเพราะมันไม่เคยมีสีนี้ น้องหยิบใส่มือมาให้เราดูว่าอันนี้คืออะไร เราก็บอกว่ามันเหมือนอสุจิเลย
ตอนหลังทราบเพราะพบคราบบางอย่าง ทำให้มั่นใจว่าถูกล่วงละเมิด หมอมีการตรวจแล้ว หมอบอกว่าถูกล่วงละเมิดจริงๆ หลังจากมีการตรวจสอบว่าถูกล่วงละเมิด เห็นว่ามีไลน์ที่มีการพูดคุยกันกับคู่กรณีว่าหนูไม่ยอมให้พี่มีอะไรด้วยนะ เหมือนเราพยายามสอบถามหลังเรารู้ตัวแล้ว?
บี : ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าโดนข่มขืนมาหรือเปล่า เพราะผลตรวจยังไม่เป็นทางการค่ะ แล้วพอเราทักไปเช็กเพื่อแจ้งความ เราคุยกับน้องว่าลองทักไปก่อนมั้ยว่าเขาทำจริงหรือเปล่า เพราะถ้าเขาไม่ได้ทำจริงๆ เรากลัวว่าเราแจ้งความไปแล้วจะมีความผิด
ข้อความเขาบอกว่าหลังดื่มไปน้องกับพี่คงมีอะไรกัน แต่ป้องกันแน่นอน คำๆ นี้ถ้าทนายตั้มตีความหมายถึงอะไร?
ทนายตั้ม : เขาก็คงจะบอกว่าเขาใส่ถุงยางอนามัย
ถ้าทนายตั้มมองว่าเขาพูดเหมือนเขาจะบอกว่าเขาใส่ถุงยางอนามัย แล้วจะไปพบบางสิ่งบางอย่างในช่องคลอดได้ยังไง?
ทนายตั้ม : เขาพยายามพูดอะไรก็แล้วแต่เพื่อให้น้องสบายใจ และทำให้ไม่เกิดเรื่อง มันถึงเป็นการกลับไปกลับมาในแชต เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี เดี๋ยวป้องกันเดี๋ยวป้องกันทีหลังบ้าง
มีการแชตด้วยว่ามีการเตรียมยาเอาไว้แล้วให้น้องกิน ในแชตเขาบอกว่าพี่ขอโทษ พี่เอายาคุมให้น้องกิน เขาบอกว่าเขาไม่ได้เตรียม แต่หนูบอกว่าคนเมาไม่น่าจะรอบคอบอะไรขนาดนั้น ถ้าเทียบกับหนูที่จำอะไรไม่ได้เลย น้องพยายามยืนยันว่าน้องไม่รู้เรื่องอะไรเลย?
เอ : ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ จำไม่ได้เลยจริงๆ
บี : แล้วมีแชตที่หนูเป็นคนพิมพ์ด้วย เพราะน้องจำอะไรไม่ได้ เราอยากรู้ด้วยว่าเขาได้ทำอะไรน้องมั้ย เพื่อเอาหลักฐานตรงนี้ไปแจ้งความ
เห็นว่าน้องไปตรวจเรื่องยาในร่างกาย?
ทนายตั้ม : รอบแรกมีหมอที่เป็นสูติฯ เขาบอกว่ามีชนิดของยาที่ทำให้หลับเจือจางมาก แต่พอผลทางหมอนิติเวชไปตรวจ ปรากฏว่าไม่เจอ ก็เลยก้ำกึ่ง ตอนที่ตรวจว่าเจอเรามีคลิปเสียงคุณหมอเลย
หมอก็ยืนยันให้ได้ว่ามีจริงๆ ครั้งที่สองตรวจเป็นไปได้มั้ยว่ามันหายไปจากร่างกาย?
ทนายตั้ม : พอยิ่งนาน มันก็หายไปจากร่างกาย เพราะมันจะอยู่ได้แค่ 24 ชม. แล้วตอนน้องไปตรวจก็ช้ามากแล้ว เหตุเกิดคืนที่ 9 เชื่อมต่อก็วันที่ 10 กว่าน้องจะไปตรวจก็เกือบวันที่ 11
บี : ตรวจห้าทุ่มวันที่ 10 ได้เจาะเลือดก็เที่ยงคืน ตีหนึ่ง
เอ : ตรวจภายใน ตรวจเลือด ปัสสาวะ และรอผลหลายๆ อย่าง ตอนนี้รอดีเอ็นเอด้วยค่ะ
หลังจากนั้นคู่กรณีไปมอบตัว เขาถูกล็อกตัวไว้เลย แล้วไม่ให้ประกัน เมื่อวานนี้ไปขึ้นศาลด้วยเหตุอะไร?
ทนายตั้ม : เขาขอประกันตัว 3 ครั้งแล้ว สองครั้งแรกไม่ให้ ครั้งที่สาม ศาลท่านก็เลยไต่สวน อยากฟังผู้เสียหายว่าจะคัดค้านหรือยังไงมั้ย ซึ่งเราคัดค้านเต็มที่ แม้ตร.ไม่คัดค้าน ตอนแรกตร.คัดค้าน แต่ตอนหลังไม่คัดค้าน ผมก็ไม่รู้สาเหตุ ผมก็ถามว่าทำไมไม่คัดค้าน เขาบอกไม่มีเหตุอะไรคัดค้านแล้ว ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ผมก็ไม่ทราบว่าเหตุผลลึกๆ คืออะไรกันแน่ พอเมื่อวานมีการไต่สวน น้องก็ไปไต่ก่อนปากแรก ฝั่งคู่กรณีเขาก็เอาคลิปเอาแชตมาเปิดถามน้องเหมือนกัน แต่ที่น้องตกใจและเราตกใจ คือเขามีการถ่ายคลิปเอาไว้ 3 คลิป ทั้ง 3 คลิปไม่ใช่คลิปปะติดปะต่อ ช็อตนึงไม่กี่วิ ช็อตสองไม่กี่วิ แต่อีกช็อตก็ยาวหน่อย เขาอาจมองว่าเป็นประโยชน์กับฝ่ายผู้ต้องหา แต่ว่าผมมองว่าเรื่องนี้เขาวางแผนไว้แล้ว ถ้าคนยินยอมมีอะไรกันจริงๆ คุณจะเก็บหลักฐานแบบนี้เหรอ
คลิปนั้นเป็นคลิปยังไง?
ทนายตั้ม : เป็นคลิปที่ตัวผู้ต้องหาคุยกับน้อง โดยน้องไม่รู้ว่ามีการแอบถ่าย ซึ่งผมคิดว่าน่าจะหลังก่อเหตุไปแล้ว เพราะมีคลิปนึงน้องกินน้ำเยอะมาก น้องถือน้ำอยู่ตลอดเวลา และดื่มตลอดเวลา เหมือนร่างกายกินสารอะไรเข้าไปแล้วกระหายน้ำ เวลาตัวผู้ต้องหาพูด เขาจะมีการพูดว่าเรามาที่นี่ยังไง เราทะเลาะกับพี่สาวไง แล้วให้พี่พามาหาที่พัก เลยมาคุยกันตรงนี้ พูดย้ำๆ เหมือนพูดนำ เพื่อเอาข้อความใส่สมองน้อง ถ้าคนมีสติอยู่ตลอดเวลาต้องมาบอกเหรอว่าเมื่อกี้เราทำอะไรกันไปบ้าง เราไม่ต้องมาทวนกันหรอก ถ้ามีสติ มานั่งดื่มกัน มีอารมณ์กัน ทำไมต้องทวนว่าเข้ามายังไง
ในคลิปเหมือนคู่กรณีถือโทรศัพท์ถ่ายที่ตัวน้อง แต่น้องไม่รู้ แล้วบอกว่าจำได้มั้ย เรามาที่นี่ยังไงกัน?
ทนายตั้ม : เขาพูดว่าหนูมาที่นี่เพราะหนูบอกว่าทะเลาะกับพี่ไง ก็เลยชวนหนูมาที่นี่ ประมาณนี้ แล้วก็ถ่ายไว้แบบนี้ น้องก็กินน้ำๆ บอกว่าค่ะๆ ตอนนั้นผมรู้แล้วว่าน้องน่าจะสติไม่ครบ อีกคลิปเขาก็พูดประมาณอย่างนี้ต่อ เป็นคลิปยืน เขาพูดยาวมาก พอน้องจะพูดเขาตัดออก ในคลิปมีแค่เขาพูด ผมว่าประโยคนั้นน่าจะไม่เป็นประโยชน์กับเขา น้องน่าจะพูดอะไรออกไปที่ไม่เข้าแก็บเขา เขาก็เลยตัดทิ้ง ผมมองแบบนี้เลย เขาส่งคลิปมาก็ดีแล้วครับ
เขาเอาคลิปไปเปิดในชั้นศาล เราได้แย้งมั้ย?
ทนายตั้ม : ก็ถามเลยว่าในคลิปคุณพูดอยู่ฝ่ายเดียว พอน้องจะพูดคุณก็ตัดออกไป ผมว่าศาลน่าจะรู้ว่าอะไรเป็นยังไง ถ้าสติน้องดีทำไมต้องมาบอกน้องว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ทำไมต้องมาพูดให้ฟังหลายๆ ครั้ง ผมว่าศาลน่าจะมองออก
งงเจตนาที่อยู่ดีๆ เอามือถือไปถ่ายหลังก่อเหตุแล้วไปถามนำแบบนี้ เพื่ออะไร?
ทนายตั้ม : เหมือนเป็นการป้อนข้อมูลใส่หัวน้อง เขาบอกว่าเขาต้องการเก็บเอาไว้ใช้ในคดีนี่แหละ ผมมองว่าเขาก็ต้องรู้ว่าอนาคตเขาถูกดำเนินคดีอะไรหรือเปล่า เขาเลยเก็บหลักฐานแบบนี้เอาไว้
ถ้าเขาพูดในชั้นศาลว่าเขากลัวถูกแบล็กเมล์ เพราะเขาสัมภาษณ์ว่าเขาโดนแบล็กเมล์?
ทนายตั้ม : เขาก็สื่อสารแบบนั้นแหละ แต่เจตนาแปลกแน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวคลิปทั้งหมดต้องให้เจ้าหน้าที่ตร.ตรวจสอบ ตอนนี้ทราบว่าโทรศัพท์เขาอยู่กับเจ้าหน้าที่ เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น ปอท. ดึงข้อมูลเข้ามาทั้งหมดเลย และผมเชื่อว่ายังมีคลิปอื่นหรือคลิปเต็มถ้าเจ้าหน้าที่กู้ออกมาได้ก็จะยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัวเขาเลย ว่าคลิปเต็มๆ คืออะไรกันแน่ คลิปมีอยู่ในโทรศัพท์เขาในวันเวลาที่เกิดเหตุหรือเปล่า เจ้าหน้าที่เขาสามารถตรวจสอบได้ แต่หน่วยงานที่ให้เช็ก เข้าใจว่าเขาน่าจะส่งไปที่พิสูจน์หลักฐานหรือนิติวิทยาศาสตร์ พวกนี้เขาจะเช็กตามที่เราถาม เขาอาจไม่ได้สืบค้นอะไรลึก แต่ถ้าจะให้การสืบสวน เราต้องไปหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เขาจะวิเคราะห์ได้ และสืบสวนต่อไปอีก
พี่สาวกังวลใจอะไรมั้ย?
บี : กังวลค่ะ พอเห็นคลิป เราก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะมีคลิปอื่นอีก ก็ปลอบใจน้อง ณ ตอนนั้นที่เราเห็นในชั้นศาล เราก็ช็อก น้องก็ร้องไห้ ก็บอกน้องว่าโชคดีแล้วที่เราออกมาดำเนินคดี ถ้าเราไม่ออกมาดำเนินคดี คลิปพวกนี้ก็คงมาขู่น้องจนแก่ ยิ่งถ้าต่อไปน้องยังเดินทางสายนี้อยู่ มีชื่อเสียง เขาก็ยิ่งเอามาขู่ไปทำโน่นทำนี่ให้อีก
เพราะเราไม่เชื่อว่ามีคลิปแค่เสวนาอย่างเดียว น่าจะมีคลิปอื่นๆ ที่ไม่ควรถ่าย?
บี : เขาทำมาเหมือนกับว่าทำจนชิน ทำมาจนเป็นแผนการ มีอยู่คลิปนึง คลิปที่สองที่เปิดให้ฟังในศาล เขาพยายามถามไกด์น้องโน่นนี่นั่น มาที่นี่กันเพื่ออะไร น้องก็ตอบกลับมาทั้งที่ไม่มีสติว่าแต่หนูไม่ได้ยอมให้พี่ทำอะไรนะคะ มีคำนี้ด้วยในคลิปที่สอง ที่เปิดในชั้นศาล
มีอันนี้ด้วย เขาก็เปิดด้วย?
บี : ใช่ค่ะ
แล้วจะไม่มัดตัวเขาเองเหรอ?
ทนายตั้ม : นอกจากคลิปยังมีแชตอีก แชตนี่คือคุยกับน้องหลังเกิดเหตุแล้ว แล้วมีประโยคนึงเขายอมรับว่าเป็นแชตเขาจริง มีประโยคนึงน้องบอกว่าหนูไม่ได้ยอมให้พี่มีอะไรด้วยนะ เขาก็ตอบกลับข้อความนั้นว่าใช่ครับ ผมว่าเขาเบิกความอะไรก็แล้วแต่ว่าน้องยินยอม แต่เขาจะมาตายด้วยหลักฐานแชตนี้ในท้ายที่สุด แล้วหลังเกิดเหตุแล้วด้วย เขาพูดวกไปวนมา เอาง่ายๆ คนพูดไม่จริง มันก็เปลี่ยนสถานการณ์ไปเรื่อยๆ แต่ผมว่าคนที่ดูเรื่องนี้ออก เขาจะรู้ว่าใครเป็นคนโกหก
อันนี้ก็เป็นอีกอันที่เราขอว่าอย่าให้ประกันออกมา?
บี : ใช่ค่ะ เพราะไหนจะเรื่องความปลอดภัยของหนูกับน้องอีก แล้วเรื่องครอบครัวอีกค่ะ เพราะเขารู้หมดเลยว่าน้องต้องไปเรียนที่ไหน เราพักกันอยู่แถวไหน ณ วันนั้นที่ไปอยู่ในชั้นศาล เราก็พูดหมดว่าเราอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ ตำบล อำเภออะไร ตอนนี้เขารู้ที่แล้วว่าเราอยู่ที่ไหน
ทำไงทนายตั้ม?
ทนายตั้ม : ถ้าเขาได้ประกันมาเรื่องความปลอดภัยของน้องก็คงลำบาก น้องเขาเรียนหนังสือ ผมก็ถามว่าจะเอายังไง น้องบอกว่าเขาอาจต้องหยุดก่อน ที่บ้านอาจต้องไปอยู่ที่อื่น ผมก็ถามว่าต้องกลัวขนาดนี้เลยเหรอ เขาบอกว่าเขากลัวแน่นอน รู้ว่าทางนั้นมีอิทธิพลยังไง
เขามีอิทธิพลยังไง?
ทนายตั้ม : เป็นหลานอดีต รมต. ไปไหนมีการ์ดตามอยู่ตลอดเวลา ลองดูภาพวันที่เขาไปมอบตัว การ์ดหัวเกรียนเลยครับ ต้องถามหน่วยงานว่าหัวเกรียนเหล่านี้ว่าเป็นทหาร หรือตร. แล้วอยู่ดีๆ มารับจ๊อบตามนักธุรกิจคนนี้ได้ยังไง มาถูกต้องหรือเปล่า แล้วน้องมีภาพเวลาไปไหนมีรถนำขบวนด้วย
เอ : ใช่ค่ะ มีภาพรถตร.นำสองคัน แล้วก็มีรถเขา
ทนายตั้ม : ขับรับแล้วว่าวันนั้นเขาไปทำธุรกิจอะไรก็ไม่รู้ เขาต้องใช้ตร.ด้วย ซึ่งระดับเขาก็คงขอได้
ทนายตั้มบอกว่าจะสู้สุดตัวเหมือนกัน ทำสองเรื่องค่อนข้างอันตรายเหมือนกัน เรื่องแรกรองหัวหน้าพรรค แล้วมาเรื่องนี้อีก เรื่องนี้เห็นว่ามีโอกาสได้ประกัน ตอนนี้สิ่งที่อยากได้ที่สุดคือคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์ทั้งหมด?
ทนายตั้ม : ใช่ครับ ผมว่าคลิปทั้งหมดจะคลายปมได้ มันอยู่ในโทรศัพท์เขาอยู่แล้วแหละ ต้องดูดมาให้หมด และต้องวิเคราะห์ข้อมูล
คิดว่าทำได้มั้ย?
ทนายตั้ม : ตร.ทำได้ครับ ต้องเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพ คือที่ผมคิดว่ามันคงไม่มีแค่สามคลิปนี้ หรือสามคลิปนี้มันยาวกว่านี้ ถ้าเขาลบออกไปโอกาสกู้กลับมาได้ก็มี หรือแชตที่อาจมีการคุยกับใคร มันก็สามารถดึงกลับมาได้
เราจะได้รู้ว่าเขามีเจตนายังไง ซึ่งเขาถ่ายคลิปเอาไว้ ถ้าคลิปถูกดูดมาได้เขาจบเลย?
ทนายตั้ม : ผมว่าจบเลย ยิ่งถ้าเขาถ่ายคลิปน้องเปลือยอยู่ก็จะเป็นการบอกเลยว่าจริงๆ น้องไม่มีสติและไม่รู้สึกตัวแล้ว โทรศัพท์เขาจะเป็นคำตอบครับ
โทรศัพท์ที่อยู่กับตร.เขาเต็มใจให้มั้ย?
ทนายตั้ม : ไม่เต็มใจครับ ตอนแรกไม่ให้ด้วย แล้วทีนี้เพื่อประกันตัวนี่แหละ เพราะศาลมีเหตุผลนึงที่ไม่ให้ประกันตัวคือไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตร. ไม่ยอมเอาโทรศัพท์ให้ วันที่ 30 เขาเลยเอาโทรศัพท์ให้แล้ว แล้วมาทำเรื่องประกันนี่แหละ
วันนี้จะยังไง?
ทนายตั้ม : ก็ต้องลุ้นกันหน่อย เพราะตร.ไม่คัดค้านเหมือนเดิม เสียงก็จะดร็อปลงไป ศาลอาจจะมองว่าออกมายุ่งเหยิงพยานหลักฐานมั้ย จะมาทำร้ายน้องหรือเปล่า ศาลจะพิจารณาแค่สองประเด็นนี้ ส่วนผิดหรือไม่ผิดยังไม่พิจารณา
ตอนน้องไปแจ้งความ ตร.พูดว่าไงนะ?
บี : เขาให้น้องพูดว่าสมยอม พูดเชิงข่มขู่ นี่รองผกก.ที่ถูกเด้งไปนะคะ เขาบอกว่าเราสมยอมเองหรือเปล่า ไปกับเขาเองหรือเปล่า สุดท้ายถ้าไปถึงฎีกาก็แพ้อยู่ดี เขาพูดทำนองนี้ค่ะ
เอ : เขาพูดย้ำๆ ซ้ำๆ เหมือนหนูเป็นคนผิดอยู่ดี เขาพูดว่าถ้าเรื่องไปถึงศาลตรงโน้นศาลตัดสินยกฟ้องหนูก็ผิดอยู่ดี
ตอนเราเข้าไปอยู่ในชั้นศาล เขาตะโกนอะไร?
เอ : เขาตะโกนค่ะ แต่เขาเป็นคนชอบใช้เทคนิคแบบนี้อยู่แล้ว หนูไม่ได้มองหน้าเขาเลย หนูโฟกัสแค่หนูไปคัดค้าน เพราะถ้าเขาออกมา หนูลำบากแน่ ตอนนี้หนูไม่ได้ไปเรียนเลย อาจารย์แต่ละวิชาเขาบอกว่าอย่าเพิ่งมาเรียนนะ พักไว้ก่อน เพราะเขาห่วงความปลอดภัยของหนู อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยหนูเขาเป็นห่วงมากๆ ตอนที่หนูไปที่ศาล เขาพูดออกมา เป็นคำพูดเดียวกับข้อความสุดท้ายที่เขาส่งมาทิ้งเอาไว้ในข้อความไลน์ว่าคุยกันดีๆ ก็ได้ แล้วเขาก็พูดชื่อหนู น้ำเสียงคนฟังอาจไม่ได้อะไร แต่เราเป็นคนถูกกระทำ จิตใจเราก็ช้ำอยู่แล้ว เขามาพูดจาแบบนี้มันหลอนค่ะ เขาพยายามข่มขู่ทางอ้อมตลอด เขาพูดน้ำเสียงดีตลอด ทั้งอาเขาที่โทรมาพยายามเอาเงินมาฟาดหัวเรา พยายามใช้นำเสียงดีมากนะคะ น้ำเสียงดีแต่ต้องดูความหมาย
คนที่ถามว่าเราเดือดร้อนเรื่องเงินหรือเปล่าใช่มั้ย?
เอ : ใช่ค่ะ แล้วในคลิปในศาลหนูเชื่อว่าหนูไม่ปกติ แล้วการที่เขาพูด มันจะปกติได้ยังไง ถ้าร่วมพร้อมใจกันจะมาถ่ายแบบนี้ แล้วกล้องกับตัวคนที่นั่งอยู่ มันแค่นี้เอง ผู้หญิงก็ต้องเห็นสิว่ามันใช้โทรศัพท์ถ่าย มันไม่ปกติ หนูสังเกตพฤติกรรมตัวเอง ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม มันไม่ใช่เรา
หนูเห็นในคลิปนั้นด้วย ก็ยืนยันว่าพฤติกรรมไม่ใช่เรา?
เอ : ใช่ค่ะ เขาพยายามให้เราเอ่ยปากมาแค่คำว่า ค่ะ หรือใช่
ทนายตั้ม : น้องยังไม่มีสติเลยตอนนั้น สติยังไม่พร้อม
เอ : แต่ ณ ตอนที่พูดโดยยังไม่มีสติ หนูก็ยังพูดว่าหนูไม่ยอมเขา
ยืนยันว่ามีคำนี้อยู่ในคลิป แล้วทำไมเขากล้าเอามาเปิด มันจะช่วยอะไร?
ทนายตั้ม : ผมก็ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ เขาพยายามสื่อสารว่าน้องยินยอมมีอะไรกับเขา แต่ผมก็ถามเขาไป เขาบอกว่าจุดเริ่มต้นตั้งแต่น้องเปิดเพลง ผมว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยคุยทำนองชู้สาว เขาก็ยอมรับว่าจริง อยู่ดีๆ จะมาโบ๊ะบ๊ะตั้งแต่เปิดเพลงแล้วมีอารมณ์คงไม่ได้ ผมคิดว่าน้องน่าจะหมดสติไปตั้งแต่เที่ยงคืนเช้าวันที่ 10 แล้ว น้องคงตื่นมาประมาณตีสอง ที่รู้เพราะมีแชตนึงเขาส่งข้อความไปหาลูกน้องแล้วเอาแชตนั้นมาอ้าง เขาเบิกความว่าน้องอยากกินเหล้าเพิ่มเลยให้ไปซื้อ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่ เขาน่าจะให้ไปซื้อถุงยางมากกว่า แต่มันอาจไม่มี ไม่ได้ขาย ก็เลยเกิดสภาพนี้ ที่น้องไปเจอสารอะไรในร่างกาย แล้วเลยต้องไปซื้อยา
น่าจะมีผู้ร่วมกระทำความผิด?
ทนายตั้ม : ผมว่ามี คนร่วมขบวนการคือลูกน้องเขาที่รอกันอยู่นี่แหละ
เอ : วันเกิดเหตุมีแค่เขา คนขับรถค่ะ ณ ตรงนั้น ไม่มีคนอื่น ก็ไม่รู้ว่าคนที่เขาพูดคือคนไหน
บี : คนขับรถเห็นหนูก็แอบถ่ายรูปหนูส่งให้เขา โดยไม่ได้มาบอกว่าน้องสาวหนูอยู่ห้องไหน
เขาแอบถ่ายด้วยเหรอ?
บี : น้องมาบอกค่ะ เหมือนตอนที่เขาเริ่มมีสติ ผู้ต้องหาเอารูปหนูให้น้องดูแล้วถามว่าหนูคือพี่สาวมั้ย น้องก็บอกว่าใช่พี่สาวค่ะ
หนูเห็นคนขับรถเขามั้ย หัวเกรียนมั้ย?
บี : ไม่แน่ใจค่ะ แต่หนูถ่ายที่เขาแอบนั่งตรงต้นไม้หน้ารีสอร์ต ตอนที่หนูอยู่กับตร.ว่าจะเข้าไปหาน้องค่ะ
ถ้าเป็นของจริงต้องไม่กลัวไฟอยู่แล้ว ถ้าอยากจะมาชี้แจงมาคุยกันหน่อย ยิ่งบอกจะเป็นถึงนายกรัฐมนตรีเลยนะ ทนายตั้มก็เดินเรื่องนี้สุดตัว?
ทนายตั้ม : สุดตัวครับ ยังไงก็จะช่วยน้องจนกว่าจะถึงชั้นศาล คดีรองหัวหน้าพรรคก็ส่งทนายความไปช่วยทุกคดี เต็มที่ครับ