"ภาดาท์"หนุนแคมเปญผู้ว่าฯ กทม. "ไม่เทรวม"

2022-09-02 16:10:31

"ภาดาท์"หนุนแคมเปญผู้ว่าฯ กทม. "ไม่เทรวม"

Advertisement

"ภาดาท์"หนุนแคมเปญผู้ว่าฯ กทม. "ไม่เทรวม" พร้อมดึง ปชช.มีส่วนดูแลปัญหาขยะ

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตามที่ กทม.ได้เปิดตัวนโยบาย "ไม่เทรวม"นำร่องขอความร่วมมือประชาชนในการแยกขยะและเศษอาหาร เรื่องดังกล่าวถือเป็นแนวทางที่ดีและถูกต้อง และพร้อมสนับสนุนร่วมรณรงค์ เคมเปญ ” ไม่เทรวม ไม่เทรวม ไม่เทรวม” ในเขตนำร่องใน 3 เขตกทม.ชั้นใน โดยเฉพาะในเขตพญาไท ซึ่งมีความหนาแน่นทางเขตเศรษฐกิจ ที่มีทั้งสำนักงาน โรงพยาบาล ที่พักอาศัย ร้านค้า ร้านอาหารเป็นจำนวนมาก ในฐานะเป็น ส.ศ.และขับเคลื่อนการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง การทำนโยบายไม่เทรวม จะเป็นการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้มากยิ่งขึ้น และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นทาง เพราะขยะในปัจจุบันมีความหลากหลายชนิดมากขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้ปริมาณขยะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าในอดีต

น.ส.ภาดาท์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขยะที่เกิดขึ้น สามารถนำมาต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ได้หากมีการปรับมุมมองของประชาชน สู่การลงมือทำการแยกขยะอย่างถูกต้อง ซึ่งจะทำให้ขยะที่เป็นของเสียกลายมาเป็นการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จากขยะที่กทม.รายงานมีสูงถึงกว่า 8,000 ตันต่อวัน เป็นขยะเศษอาหารมากกว่า 50% และอีก 50% แต่ขยะทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เกือบ 100% ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ย การทำเชื้อเพลิง และการนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบของรีไซเคิล ส่งผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ และลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนพยายามผลักดันเรื่องแยกขยะ และถือเป็นนโยบายเร่งด่วนตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา ซึ่งในพื้นที่ทีตนดูแล ในเขต ราชเทวี พญาไท จัตุจักร ถือเป็นพื้นที่ ๆ มี ปริมาณขยะเยอะมากและมีการทิ้งไม่ถูกวิธี ทำให้ลงไปอุดตันตามท่อระบายน้ำ เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริงๆแล้วความเป็นจริงมีผลกระทบในวงกว้างอย่างมาก

"ดิฉันต้องขอขอบคุณ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ช่วยทำให้เกิดโครงการนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยขอให้กำลังใจและหวังว่าจะประสบความสำเร็จ และสามารถสานต่อไปครบทุกเขตในพื้นที่ กทม."น.ส.ภาดาท์ กล่าว และว่า ตนต้องขอวิงวอนไปยังประชาชนทุกคนให้เสียสละเวลาสักนิดหนึ่ง ตนเชื่อว้าปัญหาพวกนี้แก้ได้ แต่ต้องใจเย็น ๆ ต้องใช้เวลา เพราะพฤติกรรมของคนเราไม่สามารถเปลี่ยนได้ในทันที แต่ถ้าทุกคนอดทนและค่อย ๆ ช่วยกันไป อนาคตเราก็จะมีเมืองหลวงที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น