กกต.ออกข้อห้ามกรณี ครม.ครบวาระ -ยุบสภา

2022-08-17 12:45:34

กกต.ออกข้อห้ามกรณี ครม.ครบวาระ -ยุบสภา

Advertisement

เว็บไวต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบ กกต.  กรณี ครม.ครบวาระ -ยุบสภา ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ โดยให้ กกต. วางระเบียบเกี่ยวกับข้อห้ามในการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ที่ผ่านมา เว็บไวต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ. 2563 มีผลตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยระเบียบฉบับดังกล่าวระบุถึงกรณี ครม.ต้องพ้นวาระเพราะเหตุครบวาระ 4 ปี ของสภาผู้แทนราษฎร หรือกรณีมีการยุบสภา ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ ครม.ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ให้ กกต. วางระเบียบเกี่ยวกับข้อห้ามในการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.

สาระสำคัญของระเบียบดังกล่าว กำหนดห้าม ครม.ใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งที่จะสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง คือ 1.ใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคลากรของรัฐ โดยการกำหนดนโยบาย โครงการ แผนงาน โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที และมีลักษณะเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง 2.จัดให้มีการประชุมครม.นอกสถานที่นอกเหนือจากการประชุมตามปกติ และมีการใช้ ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง 3.กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการประชุม อบรม หรือสัมมนาบุคลากรของรัฐ หรือเอกชน โดยใช้เงินงบประมาณของหน่วยงานของรัฐหรือเงินของกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ โดยอาจให้มีการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการประชุมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน แต่ต้องมิใช่เป็นการสร้างโอกาสให้เกิด ความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง

4.กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการอนุมัติ โอนหรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ รายจ่ายของหน่วยงานของรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้หน่วยงานของรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ ทำการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่ประชาชน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษา ผลประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน แต่ต้องมิใช่เป็นการสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง 5.กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการแจกจ่ายหรือจัดสรรทรัพยากรของรัฐให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด โดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่เป็นกรณีต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน แต่ต้องมิใช่เป็นการสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง 6.ใช้พัสดุหรือเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากหน่วยงานของรัฐ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือใช้บุคลากรของรัฐปฏิบัติงานเพื่อสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง และ 7.ใช้ทรัพยากรของรัฐ เช่น คลื่นความถี่ หรือเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการส่ง วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม หรือใช้งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ ของหน่วยงานของรัฐ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ที่จะเป็น การสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับระเบียบดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เคยมีใช้บังคับมาตั้งแต่ปี  51 แต่เนื่องจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 6250 จึงได้มีการยกร่างระเบียบขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าระนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.มีการลงนามตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.63 ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้มีการนำส่งระเบียบดังกล่าวส่งไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 63  หลังจากที่ประธาน กกต.ลงนามแล้วไม่นาน  แต่สำนักนายกฯเพิ่งนำระเบียบดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวทางการเมืองว่ารัฐบาลอาจมีการยุบสภาเร็วๆนี้ เนื่องจากปัญหาเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8  ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกัน สำนักงาน กกต.ได้มีการจัดประชุม ผอ.การเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งส.ส.ที่จะครบวาระในเดือน มี.ค.66