บางครั้งการจากลาก็ไม่ใช่การจบความสัมพันธ์ทุกอย่างเสมอไปเหมือนกับเพลงนี้ของวง The Parkinson (เดอะ พาร์คินสัน) กับ “ไหนวะ” คำสั้นๆ ที่แฝงไปด้วยหลากล้านอารมณ์กับคำถามที่ค้างคาใจถึงคนที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน แต่ในวันนี้เธอนั้นกลับเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายผิดกับฉันที่ยังคงจมอยู่ในวังวนของความเจ็บปวดนั้นต่อไป โดยเพลงนี้กานต์ (นักร้องนำ) เขียนจากประสบการณ์ของคนรอบตัวเมื่อวันหนึ่งเขาและเธอมีเหตุต้องลาจากกันแม้ในวันนี้อาจดูเหมือนแข็งแรงแต่ภายในใจนั้นยังคงมีคำถามที่มากจนกลายเป็นความโกรธไหนว่ารักนักหน้าแล้วทำไมถึงมูฟออนเร็วไม่เห็นเสียใจเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถามตัวเองต่อไป ประสานไปกับไลน์เบสหนึบๆ ของโต คลอไปกับไลน์กีตาร์ของ ต๊ะ และย้ำด้วยจังหวะกล่องแน่นๆ ของเบียร์ ยิ่งบาดลึกไปทั้งใจ ..ซึ่งเพลงนี้ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงของเดอะ พาร์คินสันอย่างมากมายตั้งแต่เริ่มโปรยทีเซอร์จนมาถึงวันที่ทุกคนตั้งตารอ แน่นอนว่าฟีดแบ็คหลังจากปล่อยเพลงได้รับการตอบรับที่ทั้งอินไปกับเนื้อหาของเพลงรวมถึงเรื่องราวของมิวสิควิดีโอที่นำเสนอเรื่องราวของอดีตคนรักที่ได้มาพบกันอีกครั้ง ที่อีกคนดูมาความสุขต่างจากอีกคนที่ยังจมกับคำสัญญาที่เคยให้กันพอมาเห็นแบบนี้มันยิ่งเพิ่มไฟในใจพร้อมทวงถามว่าไหนวะที่เคยพูดว่าจะรักจะดูแลกันตลอดไปแล้วสิ่งที่เห็นตอนนี้คืออะไร ซึ่งบทสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต้องตามไปชมได้ที่ YouTube : SPICYDISC
และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟังให้จี๊ดไปทั้งใจ กานต์ ได้ขยายความถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงเพิ่มเติมว่า “เพลง ไหนวะ เกิดขึ้นมาจากการที่พวกเราได้คุยกันว่าเราอยากแต่งเพลงเศร้าบวกกับแฟนๆ เองก็ชื่นชอบเพลงแนวนี้จากเราจึงได้ลองแต่งเมโลดี้ขึ้นมาก่อน นั่งอยู่ที่เปียโนกดคอร์ดไปเรื่อยๆ จนออกมาเป็นเพลงก็เอาไปให้วงฟังซึ่งทุกคนบอกไปในทางเดียวกันว่าชอบมากต้องเป็นเพลงนี้แหละ ผมจึงกลับไปเขียนเนื้อร้องให้เสร็จสมบูรณ์โดยเรื่องราวทั้งหมดผมเขียนมาจากประสบการณ์ของคนใกล้ตัวที่หลายคู่หลังจากที่เลิกรากันไปก็มักจะมีสักคนหนึ่งที่มูฟออนแต่อีกคนยังคงจดจ่ออยู่กับคำสัญญาเก่าๆ ประกอบกับได้มาเห็นว่าเขานั้นเริ่มต้นใหม่แล้วมันก็ทำให้รู้สึกโกรธจนอยากถามว่า ไหนวะที่เคยบอกว่าจะอยู่ดูแลกัน ไหนวะที่บอกว่าจะไม่ทำให้เสียใจแล้วสุดท้ายก็ทิ้งกันเหลือแค่เราที่จมอยู่กับความเจ็บนี้ต่อไป ซึ่งผมเชื่อว่าหากใครที่ได้ฟังเพลงนี้ก็จะเข้าใจถึงความเจ็บปวดของเรื่องราวแต่ฟังเพลินๆ ไปกับดนตรีในสไตล์ของเดอะ พาร์คินสัน ที่ทุกคนชอบแน่นอนครับ”