นายอำเภอกุยบุรีเผยเจอหัวกระสุนปืนไรเฟิลฝังหัวซากช้างป่า เจ้าหน้าที่เร่งตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ครอบครองอาวุธปืนกว่า 10 ราย
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.นายพัลลภ สิงหเสนี ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี พ.ต.อ.นิรันดร สิริสังข์ชัย รอง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกาญจนพันธ์ คำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี น.สพ.สาโรช จันทร์ลาด หัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทีมสัตแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ทหารจากศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ (ศร.) ตชด.ที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) เดินทางไปร่วมตรวจพิสูจน์ซากช้างป่าเพศผู้มีงา 2 ข้าง อายุประมาณ 25 ปี หลังพบตายขึ้นอืดบริเวณหุบตาเก้งในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พื้นที่หมู่ที่ 8 บ้านพุบอน ต .หาดขาม อ.กุยบุรี ห่างจากไร่สับปะรดของชาวบ้านประมาณ 300 เมตร
นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งหาสาเหตุการตายที่แท้จริงให้เร็วที่สุด จากการตรวจสอบพบว่าช้างตัวดังกล่าวชาวบ้านเรียกว่า “ไอ้ด้วน” เนื่องจากหางมีลักษณะกุด นิสัยไม่ดุร้าย ไม่ได้เข้าไปรบกวนในพื้นที่การเกษตร สำหรับการพบซากช้างในพื้นที่ป่ากุยบุรีพบว่า “ไอ้ด้วน” เป็นช้างป่าตัวแรกที่มีงาสมบูรณ์ทั้ง 2 ข้างในรอบ 20 ปี ทั้งนี้หลังจากทีมสัตวแพทย์ได้ทำการผ่าซากช้างที่บริเวณเบ้าตาด้านซ้ายพบหัวกระสุนปืนไรเฟิลชนิดหัวตัด ขนาดความยาว 3 เซนติเมตร ฝังลึกเข้าไปในหัวซากช้าง 14 เซนติเมตร โดยหัวกระสุนมีคราบเมือกห่อหุ้ม คาดว่าช้างถูกยิงมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ในบริเวณใกล้จุดที่พบซาก แต่ไม่เป็นสาเหตุให้ล้มตายทันที เนื่องกระสุนไม่ได้เข้าไปทำลายสมอง หลังการยิงทำให้ช้างป่ามีอาการบาดเจ็บสาหัสและล้มตายในเวลาต่อมาที่หุบตาเก้ง หมู่ที่ 8 บ้านพุบอน ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ที่ครอบครองอาวุธปืนไรเฟิลจำนวนกว่า 10 ราย เพื่อนำมาตรวจพิสูจน์ว่ากระสุนนัดดังกล่าวยิงมาจากปืนกระบอกใดแล้ว
ด้านนายกาญจนพันธ์ คำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า หลังจากทำการผ่าพิสูจน์ซากและเก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุการตายในจุดที่พบซากช้างแล้ว เจ้าหน้าที่จะถอดงาช้างไปเก็บรักษาที่สำนักงานอุทยานฯจากนั้นจะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและปูนขาวโรยบริเวณที่พบซาก ส่วนซากช้างจะใช้วิธีการเผาทำลายโดยใช้ยางรถยนต์เป็นเชื้อเพลิงแทนการฝังกลบ เนื่องจากบริเวณที่พบซากเป็นหุบเขาสูงชันไม่สามารถนำเครื่องจักรกลหนักทำการฝังซากได้ตามปกติ