"ศรัณย์วุฒิ"โต้กลับ กก.บห.เพื่อชาติปมไม่เซ็นเอกสาร ลั่นใครก็อยากให้เป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65 นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติลาออก ว่า เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ ซึ่งตนไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงและเกียรติยศ แต่เป็นห่วงว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ติดตามผลงานของตนจะเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ขอให้มือที่ 3 หรือใครที่เกี่ยวข้องขอให้หยุด อย่าใส่ร้ายป้ายสีกันเลย ซึ่งจริงๆ แล้วตนไม่เคยคิดที่จะเผาบ้านที่ตนเคยอยู่ แต่หากไม่พูดคนก็จะเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นอย่างที่เขากล่าวหา โดยตนมีหลักฐานแสดงทั้งหมด โดยในกรณีที่ที่ กก.บห. กล่าวหาว่าตนไม่ยอมไปเซ็นเอกสาร ไม่ยอมเข้าร่วมงาน ก็ต้องขอฝากไปยัง กก.บห. ด้วยว่าท่านรู้จริงหรือไม่ เพราะท่านอาจจะทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว เพราะเอกสารที่ตนไม่เซ็นคือเอกสารที่เกี่ยวกับการครอบงำพรรคจริง ๆ ถ้าตนเซ็นจะกลายเป็นว่าตนสมยอมให้เขาครอบงำพรรค และจะผิดกฎหมายตรา 28 แน่เลย นอกจากนั้น ในเอกสารดังกล่าวยังมีการสอดไส้เรื่องการจะแก้ไขกก.บห.พรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ซึ่งการที่ตนไม่ยินยอมเซ็นเพื่อปกป้องพรรคไม่ให้เกิดปัญหา และไม่ให้ กก.บห.ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนที่อ้างว่าหากไม่เซ็นเอกสารแล้วจะมีค่าปรับนั้น ขอชี้แจงว่าเมื่อเข้าไปอยู่ในพรรคนี้ พอรู้ว่าพรรคมีข้อจำกัดก็สำรองเงินส่วนหนึ่งให้กับพรรคอย่างมากเพียงพอและถูกกฎหมาย ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผยตรงนี้ เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องทราบดีว่าตนทำอะไรบ้าง แต่กก.บห.ไม่รู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะเอามาพูดทำไม ไม่จำเป็นก็ปิดทองใต้ก้นบาตรพระไป ดังนั้นขอให้ไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องได้แล้วว่าผมมอบเงินช่วยเหลือพรรคจริงใช่หรือไม่ ที่สำคัญคือ การที่ระบุว่าผมถูกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคชั่วคราว ยืนยันว่าบทบาทในสภาฯ ของผมโดดเด่นไม่แพ้ใคร ไปที่ไหนประชาชนก็ชื่นชมทั้งประเทศ ซึ่งปกติพรรคทุกพรรคก็อยากให้ผมไปเป็นหัวหน้าพรรคและร่วมกิจการของพรรคนั้นๆ ผมมีทางเลือกเยอะ แต่ตนไม่ไป และตนก็ถูกผู้มีอำนาจเชิญให้ไปเป็นหัวหน้าพรรค พช. และบอกให้ตนไปเป็นหุ้นส่วน ซึ่งทุกอย่างเสมอกัน แต่ถึงเวลามันไม่ใช่
“ยืนยันว่าผมไม่มีเจตนามาทำร้ายพรรคเพื่อชาติ แต่ผมจะเดินพรรคด้วยอุดมการณ์ แต่เมื่อเข้าไปในพรรคแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด และมีปัญหาก็ต้องแก้ไขเมื่อแก้ไม่ได้เราก็ต้องจากกันด้วยดี ซึ่งขณะนี้มีหลายพรรคที่อยากให้ผมเข้าไปร่วมงานด้วย แต่ผมก็ต้องเลือกว่าจะไปอยู่พรรคไหน ยืนยันว่าพรรคเสรีรวมไทยจะเป็นพรรคแรกที่ผมอยากเข้าไปร่วมอุดมการณ์ด้วย แต่ความเป็นไปด้วยและข้อจำกัดใดๆ ก็จะไปพูดคุยและหากเป็นไปได้ด้วยดี ผมก็มีโอกาสสูงมากที่จะไปอยู่กับพรรคเสรีรวมไทย นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มที่สนับสนุนผมให้ผมตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ โดยเป็นการรวมกับกลุ่มนักรบอุดมการณ์เดียวกันอย่างน้อย 3-4 คน หรือหากหาข้อสรุปไม่ได้ ผมก็ต้องตั้งพรรคการเมืองเองและเป็นหัวหน้าพรรคคนเดียว” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว