กมธ.คู่ชีวิตเคาะจดทะเบียนสมรสได้ทุกสัญชาติ กำหนดคำนิยามพฤติกรรมนอกใจ ไม่ซื่อตรงต่อกัน ครั้งเดียวก็สามารถฟ้องหย่าได้
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คู่ชีวิต พ.ศ. …. พร้อมด้วยนายชานันท์ ยอดหงส์ โฆษก กมธ. และคณะ ร่วมแถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต
นายชานันท์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการพิจารณาแก้ไขร่างพ.ร.บ.หลายมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 8 ในการจดทะเบียนสมรส ไม่มีกำหนดสัญชาติไทย และให้สัญชาติอื่นๆ ร่วมจดทะเบียนได้ รวมทั้งนำกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ไม่ได้นำมาบังคับใช้ มาตรา 1460 ที่บัญญัติว่า เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งไม่อาจทำการจดทะเบียนสมรสต่อนายทะเบียนได้เพราะชายหรือหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย หรืออยู่ในภาวะการรบหรือสงคราม ซึ่งกมธ.ฯนำกฎหมายมาตรานี้เข้ามาใส่ในพ.ร.บ.คู่ชีวิต ส่วนเหตุของการหย่าที่ญัตติว่า ต้องมีชู้ และอุปการะผู้อื่น หรือมีเพศสัมพันธุ์ด้วยความเป็นอาจิณ กมธ.ฯจึงพิจารณาความหมายคำว่าอาจิณ และเหตุของการหย่าทำให้อับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง โดยจะมีการแก้ไขพิจารณา 2 คำนี้อีกครั้งในพ.ร.บ.คู่ชีวิต และกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อกลุ่มความเท่าเทียมกลุ่ม LGBTQ+ และชายหญิง
ด้านนายแทนคุณ กล่าวว่า ในเรื่องทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิตนั้น เนื่องจากมีทรัพย์สินที่ต่างฝ่ายมีอยู่ก่อน หรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นหลังจดทะเบียน หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับมรดก และได้รับด้วยความเสน่หา หรือดอกผลของสินทรัพย์ส่วนตัว กมธ.ได้พิจารณาว่าจะนับอย่างไร พร้อมทั้งกำหนดคำนิยามพฤติกรรมนอกใจและผลลัพท์ที่ไม่ได้คำนึงถึงจำนวนครั้งหรือปริมาณ แต่คำนึงถึงความรู้สึกไม่ที่ซื่อตรงต่อกัน ดังนั้นแค่มีพฤติกรรมครั้งเดียวก็สามารถฟ้องหย่าได้ ทั้งนี้ ในหลายมาตราของพ.ร.บ.คู่ชีวิตได้กำหนดทรัพย์สินไว้ชัดเจน เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่มีความเท่าเทียม.