"สัณหพจน์" ชี้ปฏิวัติยุคโกงกินจำเป็นต้องทำลดปัญหาเหลื่อมล้ำ

2022-07-21 14:32:01

"สัณหพจน์" ชี้ปฏิวัติยุคโกงกินจำเป็นต้องทำลดปัญหาเหลื่อมล้ำ

Advertisement

"สัณหพจน์" ชี้ปฏิวัติเพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในยุคโกงกินทุจริตคอรัปชั่นจำเป็นต้องทำ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม รวยกระจุกจนกระจาย

เมื่อวันที่ 21 ก.ค.65 ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  กล่าวถึงกรณีที่มีการอภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนากยรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเรื่องการปฏิวัติ ว่า ต้องยอมรับว่าการปฏิวัตินั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจริง  แต่หากการปฏิวัตินั้นมีเหตุผลเพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในยุคที่มีการโกงกินทุจริตคอร์รัปชันในบ้านเมืองเฟื่องฟูก็จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม รวยกระจุกจนกระจาย ส่งผลให้พี่น้องประชาชนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ทั้งนี้หากย้อนกลับไปในปี 2557 เป็นยุคที่ประชาธิปไตยในประเทศไทยเริ่มเกิดการสั่นคลอน ประชาชนไม่พอใจในรัฐบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริต คอรัปชั่นในการบริหารประเทศเพื่อเอื้อต่อพวกพ้องของตนเอง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพียงเพื่อให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งพ้นผิด และการกินรวบอำนาจทางการเมืองของเครือญาติเพียงครอบครัวเดียว ส่งผลให้เกิดการชุมนุมทางการเมืองและส่งผลกระทบต่อเนื่องของประเทศในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ดร.สัณหพจน์  กล่าวต่อว่า สำหรับการที่บุคคลออกมากล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ภาคภูมิใจต่อการปฏิวัติดังกล่าว ทั้งที่บุคคลดังกล่าวเป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลที่แอบอ้างประชาธิปไตย เพื่อการทุจริตคอรัปชั่นเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องของตนเอง ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ที่เลวร้ายกว่า “การปฏิวัติ วันนี้บุคคลซึ่งเพิ่งพ้นโทษจำคุกจากคดีการเมือง ได้เคยเอ่ยถึงการเผาบ้านเผาเมืองในการชุมนุม แล้วบอกตนเองจะรับผิดชอบ โดยนักการเมืองต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง ไม่ใช่นักโต้วาที ที่พูดส่งเดชไปวันๆ แล้วไม่ต้องรับผิดชอบ และผมยังไม่เห็นการออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายของบ้านเมืองในครั้งนั้นเลย กับอดีตข้าราชการซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.สอบตก ออกว่ากล่าวหาถึงความเลวร้ายของการปฏิวัติ

"ผมอยากให้ย้อนมองกลับไปถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่รัฐบาลบริหารประเทศกินรวบอำนาจการเมืองเป็นของตระกูลเดียว โดยเตรียมออกกฏหมายนิรโทษกรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเครือญาติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นรอยด่างพร้อยของระบอบประชาธิปไตยที่ยังคงฝังอยู่ในใจของคนภาคใต้ หรือคดีจำนำข้าว ที่บ่งบอกถึงการทุจริตคอรัปชั่น ส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชนทั่วประเทศ ต้องยอมรับว่าการปฏิวัตินั้น เป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่เพราะบ้านเมืองกำลังประสบปัญหา ดังนั้นการปฏิวัติจึงเหมือนการรีเซ็ตระบบประชาธิปไตยใหม่" ดร.สัณหพจน์ กล่าว