"ไทยสร้างไทย" เปิดกำไร 3 การไฟฟ้ารวมกว่า 6.6 แสนล้าน เรียกร้องนายกฯ เปลี่ยนนโยบายหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มุ่งเน้นเน้นการกำไรเข้ารัฐ มาเป็นลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนแทน
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.65 ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค และนายนพดล มังกรชัย ประธานคณะกรรมการวิชาการพรรค ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านการขึ้นค่าไฟฟ้า
น.ต.ศิธา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในหลายจังหวัดของพรรค ได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากค่าครองชีพ ที่สินค้าทุกประเภทเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะล่าสุดค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น แต่หากมาดูตัวเลขทั้ง 3 การไฟฟ้า ประกอบด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่เป็นรัฐวิสาหกิจในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ต่างก็มีผลกำไรสะสมมหาศาลกว่า 6.6 แสนล้านบาท โดยกฟผ. มีกำไรสะสมอยู่ที่ 3.74 แสนล้านบาท กฟน. มีกำไรสะสม 1.1 แสนล้านบาท และ กฟภ. มีกำไรสะสม 1.8 แสนล้านบาท ในขณะที่ประชาชนต้องรับภาระค่าไฟฟ้าแพงอย่างแสนสาหัส แต่ 3 การไฟฟ้า มีกำไรจำนวนมาก ขณะที่ตัวเลขของบริษัทลูกของ กฟผ. พบว่า บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) มีกำไรสะสม 5.5 หมื่นล้านบาท และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) มีกำไรสะสม 3.7 หมื่นล้านบาท
“ในสมัยที่เป็นประธานบอร์ดบริหารการท่าอากาศยาน ซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจเกรดเอที่ต้องส่งเงินเข้ารัฐ แต่การบริหารงานในเวลานั้น เรามุ่งเน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยเที่ยวบินภายในประเทศ การท่าฯยอมขาดทุนประมาณ 150 บาทต่อคน เพื่อลดค่าใช่จ่ายภาคประชาชนและสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ แต่ไปมุ่งเน้นการทำกำไรกับเที่ยวบินต่างประเทศเพื่อมาชดเชย ซึ่งเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าแม้จะเป็นรัฐวิสหกิจเกรดเอ แต่ก็สามารถดำเนินการเพื่อลดภาระประชาชน และยังประกอบกิจการโดยมีผลกำไรได้หลักการสำคัญของรัฐวิสาหกิจ จำเป็นต้องประกอบกิจการที่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก "น.ต.ศิธากล่าว
นายนพดล กล่าว่าตามเจตนารมย์ของกฎหมายการประกอบกิจการพลังงานนั้น รัฐพึงจะต้องปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงาน ทั้งในเรื่องอัตราค่าบริการ ที่ต้องมีระดับราคาที่เหมาะสม เป็นธรรม จริงอยู่การประกอบธุรกิจของรัฐวิสาหกิจแม้จะสามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเองได้ แต่ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะแสวงหากำไรสูงสุดบนค่าใช้จ่ายที่ประชาชนต้องแบกรับ โดยเฉพาะในมาตรา 8 (1) ที่เน้นความเป็นธรรม ดังนั้นรัฐบาล จะต้องกลับมาดูวัตถุประสงค์เดิมเป็นหลัก เพื่อหยุดการเน้นสร้างกำไร แต่ต้องหันมาดูแลประชาชนให้มากขึ้น ในยามวิกฤตที่ประชาชนต่างได้รับความลำบากเช่นนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทย ขอเสนอแนวทางลดค่าครองชีพให้กับประชาชน 2 ประการคือ ประการแรกรัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการเปลี่ยนตัวชี้วัด KPI ใหม่ จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ต้องเปลี่ยนนโยบายหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคสาธารณปการ ที่มุ่งเน้นเน้นการกำไรเข้ารัฐ มาเป็นลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนแทน และประการที่ 2 รัฐบาลจำเป็นต้องเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนทั้งในประเทศและเพื่อนบ้านซึ่งเป็นกลุ่มทุนไทย และบางส่วนเป็นบริษัทลูกของ กฟผ. ให้ลดค่าความพร้อมจ่ายลงมา เพราะตรงนี้คือค่าใช้จ่ายมากที่สุดในระบบไฟฟ้าของไทยในปัจจุบัน