ตำรวจกองปราบขอภาพจากกล้องวงจรปิด 7 ธนาคาร 9 สาขา ตรวจสอบตัวบุคคลนำบัตรประชาชน “ณิชา”ไปเปิดบัญชีจนถูกตำรวจออกหมายจับร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยกับ “นิว18” ว่า ชุดสืบสวนได้ประสานไปยังธนาคาร 9 แห่ง เพื่อขอภาพวงจรปิดที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยกองปราบปราม ได้แบ่งกรอบการทำงานร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และขยายผลไปยังอีก 2 บัญชี ที่รับโอนเงินด้วย คาดว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะชัดเจนมากขึ้น สำหรับ 9 บัญชี 7 ธนาคารที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา ไปเปิดบัญชีนั้น ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย 1 บัญชี,ธนาคารกรุงไทย 2 บัญชี,ธนาคารทหารไทย 1 บัญชี,ธนาคารออมสิน 1 บัญชี,ธนาคารกรุงเทพ 1 บัญชี,ธนาคารธนชาต 2 บัญชี และธนาคารไทยพาณิชย์ 1 บัญชี
ทั้งนี้ข้อมูลของตำรวจพบว่า ปลายปี 2560 ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่า ชื่อ นายราลี่ สมิธ ชาวอังกฤษ ติดต่อกับ นางกาสิณี ทางเฟซบุ๊กโดยอ้างว่าต้องการซื้อที่ดินใน จ.ตาก ขอให้ นางกาสิณี เป็นนายหน้าซื้อที่ดิน โดย นายราลี่ จะส่งเงินจำนวน 30 ล้านบาท จากประเทศอังกฤษทางพัสดุไปรษณีย์มาให้ผู้เสียหาย แต่มีค่าธรรมเนียม 1.3 ล้านบาท ที่ให้นางกาสิณี ต้องจ่ายล่วงหน้าก่อน จากนั้นขบวนการคอลเซ็นเตอร์อ้างตัว เป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ โทรศัพท์หานางกาสิณี แจ้งถึงค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงิน 1.37 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคาร 3 แห่ง ประกอบด้วย บัญชีของ น.ส.ณิชา 340,000 บาท โดยมีการโอน 5 ครั้ง บัญชีนายขวัญ และบัญชีนายธีรภัทรนนท์ จากนั้นก็ไม่สามารถติดได้
ข้อมูลของตำรวจ พบว่า มีการเปิดบัญชีรับโอนเงิน จากผู้เสียหายอีก 2 บัญชี คือ บัญชีชื่อ นายขวัญ สาขาบิ๊กซี ติวานนท์ รีบโอนเงินจากผู้เสียหาย 5 ครั้ง รวม 4 แสนบาท และบัญชีชื่อนายธีรภัทร์นนท์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน รับโอนเงิน 2 ครั้ง รวม 630,000 บาท