สบส.ลุยสอบ รพ.เอกชน ขายแพ็คเกจรักษาโควิด

2022-07-11 20:34:12

สบส.ลุยสอบ รพ.เอกชน ขายแพ็คเกจรักษาโควิด

Advertisement

สบส.ลุยสอบ รพ.เอกชน ขายแพ็คเกจรักษาโควิด- 19 ย้ำผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่อาการรุนแรงยังคงสามารถใช้สิทธิ UCEP Plus ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.65 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ( สบส.)  ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ว่ามีสถานพยาบาลเอกชนบางแห่ง มีการโฆษณาจำหน่ายแพ็คเกจประเมินอาการ และยารักษาโรคโควิด 19 อย่าง ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) หรือยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) สำหรับผู้ป่วยโรคโควิด 19 นั้น  สบส.ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งจะมีการตรวจสอบ ทั้งในส่วนของการขออนุมัติโฆษณาก่อนที่จะเผยแพร่ มาตรฐานการรักษาทางการแพทย์ และที่มาของยารักษาโรคโควิด 19 ที่นำมาจัดจำหน่าย ห้ามนำยาที่ภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนมาจัดจำหน่ายโดยเด็ดขาด หากตรวจพบว่าสถานพยาบาลเอกชนมีการลักลอบนำยาของภาครัฐมาจำหน่ายก็จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล และพระราชบัญญัติยา อีกทั้งตัวแพทย์ผู้ให้บริการก็อาจจะถูกดำเนินการในฐานการกระทำผิดจริยธรรมทางการแพทย์ด้วย

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า แม้ปัจจุบันภาครัฐจะมีนโยบายให้ผู้ป่วยโรคโควิด 19 เข้ารักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลตามสิทธิของตน อาทิ สิทธิบัตรทอง ให้เข้ารับการรักษากับหน่วยบริการปฐมภูมิ สถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ ร้านยาในโครงการ “เจอ แจก จบ” สิทธิประกันสังคม ให้เข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลคู่สัญญาในระบบประกันสังคม และสิทธิข้าราชการ ให้เข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลภาครัฐ แต่หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เข้าข่ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติสีเหลือง หรือสีแดง ก็สามารถเข้ารับการรักษาตามนโยบาย UCEP Plus กับสถานพยาบาลใดก็ได้ โดยสถานพยาบาลจะดำเนินการคัดกรองผู้ป่วย แยกระดับความฉุกเฉิน และแจ้งผลให้แก่ญาติผู้ป่วยทราบ ก่อนนำเข้าสู่การรักษากับสถานพยาบาล ของรัฐบาลหรือเอกชน โดยไม่มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจนกว่าผู้ป่วยจะหายจากโรคโควิด 19 เว้นแต่ว่า ผู้ป่วยหรือญาติไม่ประสงค์ที่จะให้ไปรักษาในสถานพยาบาลที่กำหนด หรือประสงค์ไปรักษากับสถานพยาบาลอื่น ก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้ หากประชาชนพบการกระทำผิดกฎหมาย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการรับริการกับโรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิก สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1426 กรม สบส.เพื่อตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป