เปิดประชุมสภา กทม.วันแรก ส.ก.ร่วมอภิปรายงบปี 66 จำนวน 79,000 ล้าน
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 65 นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2565 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ อาคารไอราวัตพัฒนา สภากรุงเทพมหานคร ดินแดง
ทั้งนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พ.ศ. .... ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 79,000 ล้านบาท โดยเป็นการจัดทำงบประมาณแบบสมดุล (Balanced Budget Policy) เพื่อให้หน่วยงานต่างๆได้มีงบประมาณรายจ่ายสำหรับใช้เป็นหลักในการจ่ายเงินของกรุงเทพมหานคร โดยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้รัฐ พึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน รวมทั้งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 กำหนดให้การจัดทำงบประมาณประจำปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องพิจารณาฐานะการคลังความจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย งบประมาณ การจัดเก็บรายได้ และต้องทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยต้องพิจารณาผลสัมฤทธิ์ ความคุ้มค่า ความประหยัด และภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 เริ่มกระบวนการตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.64 ซึ่งตนได้เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.65 โดยเป็นช่วงที่ร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ของกรุงเทพมหานครแล้วเสร็จ และจัดส่งให้สภากรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ร่างข้อบัญญัติดังกล่าวที่นำเสนอต่อสภากรุงเทพมหานครได้พิจารณาจากเหตุผลความจำเป็นของการใช้จ่ายงบประมาณ ตามภารกิจ อำนาจหน้าที่ของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัด และคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนแผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี แผนปฏิบัติราชการกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2566 เป็นต้น
“การพิจารณางบประมาณส่วนหนึ่งในเวลาจำกัดยังได้ปรับให้สอดคล้องกับบางส่วนวิสัยทัศน์การบริหารจัดการของกระผม คือ กรุงเทพฯเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งได้นำดัชนีชี้วัดเมืองน่าอยู่ The Global Liveability Index ของ EIU (The Economist Intelligence Unit) เป็นฐานคิดในการพัฒนานโยบายจนนำมาสู่นโยบาย 9 มิติ แผนพัฒนา กว่า 200 ข้อ โดยนโยบาย 9 มิติ ประกอบด้วย มิติสิ่งแวดล้อมดี มิติสุขภาพดี มิติเดินทางดี มิติปลอดภัยดี มิติบริหารจัดการดี มิติโครงสร้างดี มิติเศรษฐกิจดี มิติสร้างสรรค์ดี และมิติเรียนดี” นายชัชชาติ กล่าว