รัฐสภาถกเดือดสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ "ฝ่ายค้าน"ตีรวนขอปิดประชุมดื้อๆ "หมอระวี"โต้หาร500สกัดแลนด์สไลด์แค่ผลพลอยได้ ด้าน "ชลน่าน"ด่าสภาเผด็จการ
เวลา 18.00 น.วันที่ 6 ก.ค.65 ในการประชุมร่วมรัฐสภา เริ่มเข้าสู่มาตรา 23 เรื่องวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้สูตร100หรือ500หาร แต่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือว่า วันนี้อภิปรายมาทั้งวัน และมาตรา23 เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาก จึงน่าจะให้เวลาและโอกาสไปตั้งสติ การอภิปรายวันนี้น่าจะเพียงพอแล้ว ขอหารือเฉยๆ แต่ไม่ขอนับองค์ประชุมใดๆทั้งสิ้น แต่นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ยืนยันที่ประชุมรัฐสภามีความพร้อมประชุมต่อ ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ บอกว่า กฎหมายฉบับนี้ถูกดึง ชะลอ ดูแล้วกระบวนการคงไม่เสร็จสิ้นในวันนี้ แม้จะนัดประชุมอีก 2นัด ในวันที่26-27ก.ค. แต่ขณะนี้มีความไม่ปกติเกิดขึ้นในร่างกฎหมาย มีคำสั่งจากฝ่ายบริหารให้เปลี่ยนแปลงมติ ควรให้เวลาสมาชิกพิจารณาจะลงมติอย่างไร เดินหน้าต่อก็ไม่ใช่ว่า จะพิจารณาได้เสร็จวันนี้ ควรปิดประชุมไปก่อน เพื่อกลับไปคิด 1-2สัปดาห์ ฝ่ายค้านอาจจะเห็นด้วยกันท่านก็ได้ ให้สังคมได้มีเวลาพิจารณา ตนไม่อยากใช้วิธี ให้การประชุมเดินต่อไม่ได้ แต่นายชวนยืนยันให้อภิปรายต่อไป เท่าที่เวลาจะอำนวย จากนั้นจึงเริ่มอภิปราย มาตรา 23
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ อภิปรายว่า เป้าหมายการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อให้หารด้วย500 ไม่ใช่เพื่อสกัดแลนด์สไลด์ อาจเป็นเพียงผลพลอยได้ แต่เป้าหมายคือ ขับเคลื่อนประเทศตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี2560 ที่ให้มีส.ส.พึงมี ระบบจัดสรรปันส่วนผสม เป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง และคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ การมีระบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อป้องกันเผด็จการรัฐสภา เป็นการจัดสรรส.ส.ให้กระจายแก่พรรคเล็กๆ มีผลพลอยได้ให้พรรคเล็กไม่สูญพันธุ์ อาจเข้ามาในสภาได้ 4-5พรรค และสกัดแลนด์สไลด์ของบางพรรค ยืนยันการคำนวณโดยวิธีหาร 500ก็สัมพันธ์กับรัฐธรรมนูญ มาตรา91 ที่บอกให้การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อให้นำมาคำนวณให้เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์โดยตรงกับจำนวนคะแนนรวมเช่นกัน เหมือนกับการหารด้วย100 และทุกมาตราในรัฐธรรมนูญล้วนมีผลบังคับใช้ ไม่มีมาตราใดเป็นติ่ง การหารด้วย500 ไม่ได้ผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แต่ถ้าครั้งหน้าใช้วิธีหาร 100 ต้องได้คะแนน370,000 คะแนน ถึงได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือว่าเป็นธรรมต่อพรรคเล็กหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา27 บอกไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรม
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า สูตรหาร500 ขัดหลักการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่รับหลักการมา กมธ.เสียงข้างมากจึงลงมติให้หารด้วย100 ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขเป็นบัตร 2ใบ ไม่ได้ยึดจากเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญปี2560 การใช้500 หาร ทำไม่ได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไข เหตุที่สูตรหาร 500 กมธ.รับไม่ได้เพราะมองจะเกิดปัญหาต่อการเลือกตั้ง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ขอหารือว่า ขอตั้งข้อสังเกตรายงานฉบับนี้ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีความเห็นของกมธ.เสียงข้างมากประกอบ มีแต่ความเห็นของกมธ.เสียงข้างน้อย ทั้งที่ในชั้นการพิจารณามีความเห็นของกมธ.เสียงข้างมาก จึงควรวินิจฉัยก่อนจะให้แปรญัตติได้หรือไม่ การจะทำอะไรต้องยึดหลัก สมัยก่อนมีการกล่าวหาเผด็จการรัฐสภา แต่ระวังถ้าขณะนี้มีการสั่งการเอา 500หาร จะไม่ใช่เผด็จการรัฐสภา แต่เป็นสภาเผด็จการคือ สภาที่ถูกครอบงำด้วยเผด็จการ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายแสดงความคิดเห็น โดยกมธ.เสียงข้างน้อยหลายคน อาทิ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว.อภิปรายสนับสนุนให้ใช้สูตร500 หาร คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยยืนยันไม่ขัดหลักการและไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะทุกร่างกฎหมายที่เสนอมา ไม่มีร่างฉบับใด หรือรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ก็ไม่ได้ระบุให้การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อใช้วิธีหารด้วย100 หรือ500 จึงไม่ขัดหลักการแน่นอน กรณีที่เกิดปัญหาขึ้นถือเป็นความผิดของทุกฝ่าย ที่ละเลยไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 83, 86 และ 91 ไปด้วย หากจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต ก็คงไม่มีใครขัดข้อง ทั้งนี้ระหว่างที่กมธ.เสียงข้างน้อยอภิปราย ปรากฏว่า ส.ส.เพื่อไทย อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี คอยประท้วงตลอดเวลาว่า ไม่สามารถแปรญัตติในสิ่งที่ขัดกับหลักการของร่างกฎหมายได้ ทำให้การประชุมดำเนินไปอย่างไม่ต่อเนื่อง จนนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องคอยไกล่เกลี่ยและชี้แจง ควบคุมการประชุมให้ดำเนินการต่อไปได้