กรมควบคุมโรคชี้โควิด- 19 พุ่ง

2022-07-04 10:49:34

กรมควบคุมโรคชี้โควิด- 19 พุ่ง

Advertisement

กรมควบคุมโรคระบุแนวโน้มโควิด- 19 พุ่ง หลังผ่อนคลายมาตรการ คาดผู้ป่วยสีเขียวมากกว่า 10 เท่า ของผู้ป่วยอาการรุนแรง

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.65 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ของโรคโควิด 19 ในขณะนี้ มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น หลังจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการน้อยไม่รุนแรง หรือเรียกว่าผู้ป่วยสีเขียว และคาดว่าอาจมีจำนวนมากกว่า 10 เท่า ของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขจึงเน้นการติดตามสถานการณ์และรายงานตัวเลขผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีผลกระทบต่อระบบรองรับทางสาธารณสุขเละการแพทย์ จึงจำเป็นต้องจับตาและรายงานสถานการณ์จำนวนผู้ป่วยที่อาการรุนแรงเป็นหลักเพื่อนำมาวิเคราะห์หรือกำหนดแนวทางมาตรการต่างๆ ในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้โดยในปัจจุบันมีการครองเตียงระดับ 2-3 อยู่ที่ 10% ของจำนวนเตียงทั้งหมด ขอให้มั่นใจว่าการเผยแพร่ทุกข้อมูลเป็นไปตามนานาชาติดังเช่นหลายประเทศที่ปรับระบบการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อจากรายวันเป็นรายสัปดาห์ หรือรายงานเฉพาะการเสียชีวิต และที่สำคัญระบบสาธารณสุขเตรียมความพร้อมทรัพยากรสามารถรองรับได้ เพียงพอทั้งเตียง แพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยสามารถติดตามได้จากข้อมูลทะเบียนผู้ติดเชื้อที่ไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค หรือเฟซบุ๊กเพจกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และเฟซบุ๊กเพจศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมประชาสัมพันธ์

ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กล่าวว่า ที่สำคัญคือการควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 โดยเน้นมาตรการ 2U คือ Universal Prevention คือ การป้องกันการติดเชื้อ โดยการเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัด หากพบมีอาการน่าสงสัยควรตรวจหาเชื้อ และ Universal Vaccination คือ ให้มารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็นพื้นฐาน และฉีดเข็มกระตุ้นต่อไปทุก 4 เดือน เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตหากติดเชื้อ ทั้งนี้ แม้ภาพรวมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 จะยังไม่ถึง ร้อยละ 60 แต่หากพิจารณาในรายจังหวัดจะพบว่า มีหลายจังหวัดที่มีผู้สูงอายุได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเกิน ร้อยละ 60 ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ และภูเก็ต ขอความร่วมมือให้จังหวัดที่ยังมีความครอบคลุมวัคซีนเข็มกระตุ้นต่ำกว่าเป้าหมายช่วยกันรณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการรับมือกับโรคโควิด 19 ที่จะปรับมาเป็นโรคประจำถิ่น หรือโรคติดต่อทั่วไปในอนาคต และกลับมาดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติที่สุด