ชะตากรรมของผู้อพยพชาวเอลซัลวาดอร์ ที่อาศัยและทำงานอยู่ในสหรัฐ แขวนอยู่บนเส้นด้าย เมื่อรัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิกสิทธิ์ดังกล่าว แล้วส่งตัวกลับประเทศ ภายในปี 2562 ทำให้พวกเขาต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของกลับบ้าน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ว่า ผู้ลี้ภัยชาวเอลซัลวาดอร์ประมาณ 2 แสนคน ที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยและทำงานอยู่ในสหรัฐมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จะสูญเสียสิทธิดังกล่าวภายในปี พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ในการคุมเข้มนโยบายผู้อพยพเข้าเมือง ตามนโยบายหาเสียง
ทั้งนี้ สหรัฐจะยุติสถานะการคุ้มครองชั่วคราว หรือทีพีเอส ในวันที่ 9 กันยายน 2562 ทำให้ผู้อพยพชาวเอลซัลวาดอร์มีเวลา 18 เดือนในการเตรียมเก็บข้าวของเดินทางออกจากสหรัฐกลับประเทศของตน หรือไม่ก็ต้องทำเรื่องขอพักอาศัยตามกฎหมายต่อไป โดยสหรัฐมอบทีพีเอสให้ชาวเอลซัลวาดอร์ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งในเอลซัลวาดอร์ เมื่อปี 2544 ซึ่งทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก
การตัดสินใจยกเลิก ทีพีเอส สำหรับชาวเอลซัลวาดอร์ เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันในกรอบกว้าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐ ในการคุมเข้มกฎหมายผู้อพยพ และเนรเทศผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากผู้สนับสนุนผู้อพยพ ที่ระบุว่า เป็นการเพิกเฉยต่อความรุนแรงในเอลซัลวาดอร์ และทำให้ชาวเอลซัลวาดอร์แทบไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเดินทางออกจากสหรัฐ หรืออยู่ต่ออย่างผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวหลายสิบคน มาชุมนุมกันด้านหน้าทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ เพื่อประท้วงการกระทำของรัฐบาลสหรัฐ หลังการประกาศว่า ผู้อพยพชาวเอลซัลวาดอร์ ประมาณ 2 แสนคน จะหมดสิทธิ์ในการอยู่และทำงานในสหรัฐ