คร. เผยข้อมูลทั่วโลกป่วยฝีดาษลิง 2,093 ราย ไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตั้ง กก.ร่วมศึกษาวัคซีนไทยรุ่นแรก 5 แสนโดส จาก 13 ลอตการผลิตโดย อภ.
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.65 กรมควบคุมโรคได้มีการเผยแพร่รายงานสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ 2,093 ราย ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบวัคซีนฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เก็บแช่แข็งรักษาไว้ หลังปี 2523 ว่า ตอนนั้นประเทศไทยมีการผลิตได้เอง และมีเหลือเก็บไว้ เป็นวัคซีนลักษณะผง (Dry freeze) 10,000ไวอัล ในจำนวน 13 ล็อตการผลิต โดยใน 1 ไวอัลฉีดได้ 50 โดส เมื่อคำนวณจะเท่ากับมีประมาณ 5 แสนโดส และจากทดสอบประสิทธิภาพ ปรากฏสามารถฟื้นตัวได้ดี และออกฤทธิ์ได้แรงดี อย่างไรก็ตาม วัคซีนฝีดาษชนิดผงนี้ทำมาจากวัคซีนฝีดาษวัว ชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ เป็นวัคซีนรุ่นแรกใช้โดยนำมาสะกิดให้ผิวหนังเป็นแผลและนำผงวัคซีนแตะแปะไว้ ก็จะเกิดเป็นฝีแล้วกลายเป็นสะเก็ดแห้งจากนั้นก็จะไปสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่ขณะที่วัคซีนฝีดาษปัจจุบันเป็นรุ่นที่สามที่ใช้ฉีดเข้าผิวหนัง ซึ่งมีการผลิตและใช้ในบางประเทศ
นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง มีตนเป็นประธาน มีศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงผู้แทนจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) มาช่วยกันตรวจทดสอบวัคซีนดังกล่าวเพิ่มเติมว่า ใน 1 ไวอัล ที่มี 50 โดสนั้น ในจำนวนทั้ง 50 โดสยังมีประสิทธิภาพความแรงอยู่หรือไม่ ซึ่งดูแนวโน้มว่าน่าจะให้ผลได้ดี ส่วนที่สองจะต้องตรวจเรื่องสารปนเปื้อน มีเชื้อหรือราต่างๆ หรือไม่ เนื่องจากเก็บไว้นานกว่า 40 ปี แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหาเนื่องจากเป็นผงแห้งที่บรรจุในขวดแก้วปิดสนิท รวมถึงคงต้องตรวจทั้ง 13 ล๊อตที่จัดเก็บไว้ทั้งหมด ส่วนจะสามารถนำวัคซีนรุ่นหนึ่งเหล่านี้ไปพัฒนารูปแบบการใช้เทียบกับรุ่นสามได้หรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการศึกษา อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์โรคฝีดาษลิงขณะนี้ดูแนวโน้มว่าจะไม่มีปัญหาร้ายแรง เพราะการติดเชื้อค่อนข้างยากต้องผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิดถึงลูกถึงคน แต่เราก็ไม่ประมาทอย่างน้อยเราก็มีอยู่ในมือ 5 แสนโดส หากมีความเสี่ยงคงไม่ได้ฉีดทั่วไป คงพิจารณาเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อ ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนตัวนี้ เนื่องจากเป็นการใช้เมื่อ 40 ปีที่แล้วซึ่งเทคโนโลยียังไม่ได้ก้าวหน้าเช่นปัจจุบัน เท่าที่มีรายงานก็มีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุบสมองอักเสบแต่น้อยมาก