"เต้"แจงปมวงแตก "อัจฉริยะ" คดีแตงโม ยันฟ้องคดีฆาตกรรมตอนนี้ไม่ได้ เหตุหลักฐานมีแค่เรื่องทำร้ายร่างกาย แนะขอโทษ "คุณแม่แตงโม" ไม่ควรยื่นฟ้องโดยพลการ หวั่นทำศาลยกฟ้องทั้งคดี
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 65 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงปัญหาการทำคดีกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ในคดีการเสียชีวิตของดาราสาวแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ว่าในวันนี้ ทางคุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของดาราสาวแตงโม พร้อมด้วยรองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินทางไปยื่นขอให้ศาลไต่สวนยกเลิกหนังสือมอบอำนาจการฟ้องคดีของนายอัจฉริยะแล้ว หลังจากที่นายอัจฉริยะเข้ามาทำคดีและยื่นฟ้องในคดีฆาตกรรม เพื่อเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และ 289 ซึ่งแตกต่างจากพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถเอาผิดได้เพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 เท่านั้น ทำให้เกิดข้อกังวลว่าหากฟ้องในข้อหาที่สูงเกินกว่าพยานหลักฐาน อาจทำให้คดีถูกยกฟ้องไปทั้งหมดได้ ทำให้คุณแม่ภนิดามีเจตจำนงค์ที่จะไม่ฟ้องฆาตกรรมตามความเห็นของนายอัจฉริยะ แต่ต้องการเริ่มทำคดีด้วยคดีทำร้ายร่างกายก่อน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการเริ่มฟ้องคดีจากคดีทำร้ายร่างกายแม้จะมีโทษต่ำกว่าคดีฆาตกรรมแต่ก็สูงกว่าคดีประมาทที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นไว้ และถ้าฟ้องในคดีทำร้ายร่างกายแล้วหากสามารถนำสืบได้ว่าเป็นการฆาตกรรมก็สามารถเพิ่มโทษได้อีก ซึ่งเรื่องนี้นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษาที่จะเข้ามาทำคดีนี้ต่อให้ความเห็นไว้ว่า การเริ่มฟ้องคดีจากการทำร้ายร่างกายไปสู่คดีฆาตกรรม สามารถแก้ไขคำฟ้องได้ในภายหลัง และการเริ่มฟ้องในคดีทำร้ายร่างกายก่อนเป็นการป้องกันการถูกฟ้องกลับกรณีเป็นการกล่าวหาเกินจริงด้วย รวมถึงยังช่วยป้องกันการถูกยกฟ้องในภายหลัง
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า หากเริ่มต้นฟ้องในข้อหาฆาตกรรมและถูกศาลยกฟ้อง ศาลจะยกฟ้องไปทั้งหมดทุกข้อหา เพราะตาม ป.วิอาญา การฟ้องคดีสามารถทำได้ครั้งเดียว ดังนั้นแม้แต่คดีประมาทที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนก็จะหลุดไปด้วย คดีนี้คุณแม่ภนิดาต้องการความจริงว่า ลูกสาวเสียชีวิตอย่างไร ไม่ได้ต้องการเงิน และยังไม่ได้มีการฟ้องคดีแพ่ง ซึ่งตนได้พยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับนายอัจฉริยะแล้ว แต่นายอัจฉริยะเหมือนไม่ฟัง และไม่เคยทราบมาก่อนจะยื่นฟ้องอย่างนี้ จึงเป็นเหตุให้คุณแม่ภนิดาต้องขอหนังสือมอบอำนาจคืน และตั้งใจให้นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษามาเป็นทนายความดำเนินคดีนี้แทน
“นายอัจฉริยะไม่ควรกระทำเรื่องนี้ไปโดยพลการ และควรไปขอโทษคุณแม่ภนิดา เพราะคุณแม่ภนิดาเป็นผู้เสียหายเพียงคนเดียวในคดีนี้ ส่วนตัวมองว่านายอัจฉริยะไม่ใช่พ่อของคุณแตงโม ส่วนทนายชนบทที่จะตั้งมานั้นมีความเกี่ยวพันเพราะเป็นเพื่อนของคุณพ่อคุณแตงโม ยืนยันว่า หลังจากนี้เมื่อไม่มีนายอัจฉริยะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการค้นหาพยานหลักฐาน เพราะพยาน หลักฐานที่นายอัจฉริยะมีเป็นพยานเดียวกันทั้งหมดที่พรรคศรีวิไลย์มี และหลายพยานหลักฐานเช่นกล้องวงจนปิดต่างๆนายอัจฉริยะก็ได้ไปจากตนทั้งสิ้น เช่นเดียวกับพยานหลักฐานที่นายอัจฉริยะอ้างว่าสามารถเชื่อมโยงไปยังคดีฆาตกรรมได้ แต่หลักฐานดังกล่าวจะต้องมีหน่วยงานรับรองไม่เช่นนั้นจะเป็นพยานหลักฐานเท็จ “นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคไทยศรีวิไลย์ได้ข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับมือถือของคุณแตงโมทั้งหมดแล้ว ทั้งรูปถ่าย คลิป และข้อมูลGPS ส่วนผ้าคาดเอวสีขาว ซึ่งอยู่ที่ “บังแจ็ค” และได้มีการส่งให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.) สิทธิมนุษยชน วุฒิสภา ขณะนี้ทาง กมธ.สิทธิฯได้ส่งเรื่องและหลักฐานดังกล่าวไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ของกระทรวงยุติธรรมแล้ว โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม มอบหมายให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์หลักฐานดังกล่าวแล้ว เพื่อหาว่า DNA ที่อยู่ในผ้าคาดเอวดังกล่าวเป็นของใคร เพราะขณะนี้ทราบว่า เลือดที่อยู่ในผ้าดังกล่าวเป็นเลือดมนุษย์