ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลุยเชียงรายเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมขับเคลื่อนการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.65 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติและขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งการบูรณาการความร่วมมือของส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน รวมพลังกันเพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในทุกมิติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยมอบหมายให้ ตนและ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ในวันนี้ ตนได้เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อขับเคลื่อนและตรวจติดตามผลการดำเนินการ ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องการดำเนินการตามโครงการฯ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 โดยได้ร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินการร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ทั้ง 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พร้อมหัวหน้าสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการอบรมเครือข่ายประชาชนที่เป็นผู้นำ และผู้มีบทบาทในสังคมทุกสาขาอาชีพ จาก 159 สถานีตำรวจ สถานีตำรวจละ 50 คน รวม 7,950 คน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึงปัจจุบัน ได้รับรายงานปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อน จำนวน 640 เรื่อง และได้ติดตามขับเคลื่อนและเร่งรัดให้หน่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว 608 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาด้านสังคม จำนวน 476 เรื่อง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำนวน 21 เรื่อง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 80 เรื่อง และปัญหาความขัดแย้ง จำนวน 31 เรื่อง และอยู่ระหว่างหน่วยดำเนินการแก้ไข โดยคาดว่าจะแก้ไขได้ จำนวน 32 เรื่อง
จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย เยี่ยมเยียนและพบปะประชาชนทั้งในพื้นที่และผ่านทางแอปพลิเคชันคลับเฮาส์การมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านโพธนาราม และมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการฯ สอบถามและรับฟังความคิดเห็น รับทราบสภาพปัญหาและความต้องการ ตลอดจนข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาจากเครือข่ายภาคประชาชนในชุมชนบ้านโพธนารามและชุมชนบ้านสันกอง พร้อมทั้งตรวจติดตามผลการแก้ไขปัญหาของทุกชุมชนใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติของ สภ.แม่จัน ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามโครงการฯ ในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่น่าพอใจในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น 1.ด้านเศรษฐกิจ ประสานสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอแม่จัน ดำเนินโครงการจัดหาแหล่งน้ำ พร้อมการบริหารจัดการเส้นทางน้ำอย่างยั่งยืน และประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอแม่จัน ดำเนินโครงการขยายไฟฟ้าเพื่อการเกษตรของหมู่บ้านเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต ประสานเกษตรอำเภอแม่จันส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้และกำหนดราคาที่คุ้มทุนได้ ลดการกู้หนี้นอกระบบและลดปัญหาหนี้สิน 2.ด้านสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยครั้งบนถนนทางการเกษตรและถนนสาธารณะ และจัดชุดจิตอาสา สภ.แม่จัน ร่วมกิจกรรมปรับปรุงเส้นทางร่วมกับชาวบ้านในชุมชนจนแก้ไขปัญหาได้สำเร็จลุล่วง 3.ด้านสังคม ติดตั้งเครื่องหมายและสัญลักษณ์จราจรแจ้งเตือน ประสานเทศบาลตำบลสันทราย เพื่อทาสี ตีเส้นบนผิวทางและเสาไฟฟ้าเพื่อลดอุบัติเหตุ แก้ไขปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่างในชุมชน วางระบบป้องกันภัยหมู่บ้าน และติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดทั่วพื้นที่ชุมชน 4.ด้านความขัดแย้ง ได้ดำเนินโครงการวางท่อระบายน้ำและทำพนังกั้นน้ำ เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งเรื่องการใช้น้ำจากแม่น้ำห้วยน้ำขุ่นเพื่อการเกษตร ระหว่างชาวบ้านสันกอง และกลุ่มชาติพันธุ์ ได้สำเร็จ 5.จัดตั้งแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ของทุกชุมชน เป็นช่องทางในการสื่อสารสภาพปัญหาและความต้องการของเครือข่ายภาคประชาชนกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการเข้าถึงและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งให้ความรู้ทางกฎหมายและแนวทางการระวังป้องกันตนเองในอาชญากรรมรูปแบบใหม่ เช่น แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
พล.ต.ท.ประจวบ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ประสานงานเครือข่ายของ 8 จังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 และทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้เร่งประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับการคัดเลือก ให้สะท้อนสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อประสานหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เข้าช่วยเหลือและทำการแก้ไข พร้อมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด สำหรับสถานีตำรวจที่ยังมีผลการปฏิบัติน้อย ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงไปตรวจสอบ กำชับและกำกับดูแล ให้มีผลการปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการดำเนินโครงการดังกล่าว จะประสบผลสำเร็จ เสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ แก้ไขปัญหาความต้องการและความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อให้ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ดังนั้นสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจทุกนาย จักต้องดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนและสังคม มีความเชื่อถือ เชื่อมั่น ศรัทธา ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติสืบไป