รมว.คลังนั่งประธาน กมธ.งบประมาณปี 66 รองประธาน 24 คน โฆษก 10 คน "ยุทธพงศ์"จี้ ผบ.เหล่าทัพแจงงบด้วยตนเอง จ้องถล่มงบจัดซื้อยุทโธปกรณ์ฟุ่มเฟือย
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 นัดแรก โดยมีวาระสำคัญเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน กมธ.และตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. โดยมีนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานชั่วคราว โดยที่ประชุมมีมติให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธาน กมธ. ส่วนรองประธาน กมธ. จำนวน 24 คน ตำแหน่งเลขานุการ กมธ. จำนวน 9 คน ที่ปรึกษา กมธ. จำนวน 11 คน โฆษก กมธ.10 คน
จากนั้นเวลา 16.00 น. นายยุทธพงศ์ โฆษก กมธ.งบประมาณปี66 แถลงภายหลังการประชุมว่า หลังจากที่ประชุมมีมติเลือกตำแหน่งต่างๆ แล้วนายสันติในฐานะรองประธานคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทน เนื่องจากนายอาคมซึ่งเป็นประธาน ไม่ได้มาร่วมประชุม นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องกรอบเวลาในการประชุม ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ โดยในวันที่ 7 มิ.ย. แม้จะเริ่มประชุมในเวลา 09.00 น. แต่เนื่องจากเป็นการประชุมครั้งแรกที่จะพิจารณาเนื้อหา ประกอบกับมีการประชุม ครม. และให้เจ้าหน้าที่เตรียมข้อมูล จึงนัดประชุมในเวลา 13.00 น. ทั้งนี้ การพิจารณาจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. - 3 ส.ค.65 จากนั้นวันที่ 5 ส.ค.65 กมธ.จะตรวจรายงานก่อนเสนอกลับเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระที่ 2-3 โดยได้กำหนดการพิจารณาวาระ 2-3 ไว้แล้วคือวันที่ 17-18 ส.ค.นี้
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางในการพิจารณาจะพิจารณาเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง สภาพัฒนาสังคมแห่งชาติ จากนั้นจะเริ่มพิจารณากลุ่มภารกิจด้านเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลฯ และกระทรวงเกษตรฯ เป็นต้น ด้านกลุ่มภารกิจด้านสังคม อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวง สาธารณสุข กระทรวง แรงงาน กระทรวง พัฒนาสังคมฯ กระทรวงศึกษาและกระทรวงอุดมศึกษาฯ จากนั้นเป็นภารกิจกลุ่มความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวง มหาดไทย จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปิดท้ายด้วย หน่วยงานอิสระ เช่น รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หน่วยงานในพระองค์ ส่วนการตั้งคณะอนุ กมธ. ขึ้นมาพิจารณานั้นคงต้องพิจารณาหลังจากที่กมธ.พิจารณาไปแล้ว 2 สัปดาห์ ส่วนการประชุมจะไม่มีการประชุมผ่านระบบซูมเหมือนปีที่แล้ว ที่ให้หน่วยงานต่างๆ ชี้แจงผ่านระบบซูม แต่การพิจารณาในครั้งนี้ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานที่รับผิด โดยเฉพาะผู้บัญชาการเหล่าทัพจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลงไปแล้ว และการพิจารณางบถือเป็นเรื่องสำคัญ หากให้ชี้แจงผ่านระบบซูมก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะเราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงงบของกระทรวงกลาโหมว่า จากการฟังอภิปรายในวาระที่ 1 ของกระทรวงกลาโหม ถูกท้วงติงมากโดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้ออาวุธของทุกเหล่าทัพ เชื่อว่าในชั้น กมธ.จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นแน่นอน เช่น เครื่องบินรบ F35 ที่กองทัพอากาศเสนอซื้อมา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ส.ส.และกมธ.เพิ่งได้รับเอกสารขาวคาดแดงแต่ไม่มีรายละเอียด แต่ยืนยันว่าเป็นงบฟุ่มเฟือยและเป็นไขมันต้องตัดออกไม่ปล่อยผ่านแน่นอน ซึ่งก็เห็นแล้วว่าเรือดำน้ำไม่เป็นประโยชน์ ไม่เหมาะกับภาวะขณะนี้ แต่ปี 2566 กองทัพเรือไม่ได้ตั้งงบเรือดำน้ำลำที่ 2-3 แต่เป็นเรื่องงบผูกพันของลำที่ 1 ที่จะต้องพิจารณา