ผู้ว่าฯกทม.หารือ เคที ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว คาดจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน ระบุอย่าเอาเรื่องหนี้มาเร่งรัดต่อสัญญาระยะยาว
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ นายเกรียงพล พัฒนรัฐ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่อร้อยสายนำสายสื่อสารลงใต้ดิน รวมถึงรับฟังรายงานสัญญาการจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายว่า โครงการก่อสร้างท่อร้อยสายมีการตั้งงบประมาณไว้กว้างๆ วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท รูปแบบการก่อสร้างที่ไม่ทราบว่าข้างล่างจะมีอะไรบ้าง ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ติดขัดปัญหาเรื่องการหารายได้ เพราะยังหาผู้เช่าท่อร้อยสายระบบสาธารณูปโภคไม่ได้ ทำให้ไม่มีรายได้ที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นปัญหาทางเทคนิค จึงต้องดูรายละเอียดในการทำสัญญาอีกครั้ง
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนสัญญาที่เคทีจ้างเอกชนเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายถึงปี 2585 ซึ่งเคทีได้อธิบายรายละเอียดสัญญาจ้างเดินรถ เหตุผลการจ้างระยะยาว รวมถึงการก่อหนี้เป็นอย่างไร เพื่อเราจะได้นำข้อมูลไปศึกษาต่อ ส่วนเรื่องการให้สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลักสายสุขุมวิทและสายสีลมสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เป็นหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ ทั้งนี้ เคที เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งของรถไฟฟ้าสายสีเขียว คาดว่าภาพรวมเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน นอกจากนี้ เคที ได้รายงานภาระหนี้สินการจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายประมาณ 40,000 ล้านบาท ว่า ได้นำรายได้ส่วนต่อขยายช่วงที่ 1 อ่อนนุช-แบริ่ง ตากสิน-บางหว้า จ่ายให้เอกชนบางส่วนแล้ว สำหรับส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 ช่วงหมอชิต-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ ขณะนี้ยังให้บริการฟรีไม่เก็บค่าโดยสารทำให้มีหนี้เพิ่มขึ้น ดังนั้นอาจจะต้องเก็บค่าโดยสารเพราะนั่งฟรีมานานแล้ว ตามหลักการใครใช้ก็ต้องจ่าย ปัจจุบันคน กทม.ที่จ่ายค่ารถไฟฟ้าต้องรับภาระหนี้ให้กับคนที่นั่งฟรีด้วย ดังนั้นอย่าเอาเรื่องหนี้มาเร่งรัดการต่อสัญญาสัมปทานระยะยาว เพราะการเปิดนั่งฟรีเอกชนก็ได้รับผลประโยชน์เป็นการนำผู้โดยสารมาป้อนให้กับเส้นทางไข่แดงตรงกลางด้วยเช่นกัน
นายชัชชาติ ยังได้กล่าวถึงหนี้สินที่ กทม.รับโอนมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจาก รฟม. ซึ่งในเงื่อนไขที่คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตาม ม.44 ได้เสนอต่อสัญญาสัมปทานเดินรถไฟฟ้า ว่า เอกชนต้องรับผิดชอบหนี้สินก้อนนี้ด้วย โดยมองว่าไม่อยากให้เอาหนี้สินมาเป็นตัวเร่งรัดให้มีการต่อหรือขยายสัญญา และมองว่าหากรัฐเป็นผู้กู้เงินเอง ดอกเบี้ยก็จะถูกกว่าที่เอกชนกู้เงิน ในส่วนนี้จึงต้องศึกษาและดูรายละเอียด ที่ผ่านมา เคยมีการเสนอสภา กทม. ออก พ.ร.บ.กู้ยืมเงินเพื่อมาใช้หนี้ในส่วนดังกล่าว ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องดูรายละเอียดโดยตนจะยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก จริงๆ กทม.อยากคืนหนี้ให้รัฐบาล เพราะหนี้บางส่วนอยู่ที่ปากน้ำ อยู่ปทุมธานี วิ่งให้บริการในเขตปริมณฑลไม่มีปัญหา แต่ต้องดูความยุติธรรมเพราะรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น สายสีเหลือง สายสีชมพู รัฐกู้เงินจ่ายคืนค่าโครงสร้างพื้นฐานให้ผู้ประกอบการ ทำให้ต้นทุนไม่แพงมาก