"โรม" วอน "ชวน"รอดูคำวินิจฉัยศาล รธน.ฉบับเต็มก่อนเลื่อน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ภูมิใจไทย แทน "สำลี"หวั่นขัด รธน.
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.65 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล เเถลงกรณีมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ นายสำลี รักสุทธี อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ภายหลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบสิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. นับแต่วันเลือกตั้งคือวันที่ 24 มี.ค.62 เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) พร้อมทั้งระบุในตอนท้ายว่า เมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. คน ดังกล่าวสิ้นสุดลง ทำให้มีตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่างลง ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องประกาศให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่าง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว การที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า ให้เลื่อนบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง แม้ไม่ได้ระบุว่าพรรคการเมืองใด แต่ก็ตีความได้ว่าต้องประกาศบัญชีรายชื่อจากพรรคที่ ส.ส. มีรายชื่ออยู่ขึ้นมา ซึ่งก็คือ พรรคภูมิใจไทย โดยการเลื่อนบัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย มาเเทนนายสำลี อาจจะทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายในหลายประเด็นสำคัญ ประเด็นเเรก เทียบเคียงกรณีของ นายธัญญ์วาริน สุขะพิศิษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. เช่นเดียวกัน พบว่า คำวินิจฉัยของธัญญ์วาริน ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถเลื่อนอันดับบัญชีรายชื่อขึ้นมาแทนที่ได้ เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ซึ่งเป็นกรณีที่คล้ายกับของนายสำลี แต่ศาลรัฐธรรมนูญออกคำวินิจฉัยที่แถลงต่อสื่อต่างกัน
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมา หากให้มีการเลื่อนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อขึ้นมาได้ จะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ซึ่งรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องมีการสรรหาส.ส.พึงมีก่อน โดยระบบเลือกตั้งที่เราใช้ในปี 62 เป็นระบบเลือกตั้งแบบใบเดียว แต่ให้ผลสองอย่างคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.พึงมี ดังนั้น ส.ส. ก็ได้คำนวณได้ผลลัพธ์แล้วว่าจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ที่พรรคภูมิใจไทยได้รับอยู่ที่ 12 คน แต่ปรากฏว่าล่าสุดก่อนที่นายสาลีจะสิ้นสุดสมาชิกภาพ พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 15 คน โดยที่ 12 คน มาจากบัญชีรายชื่อที่พรรคภูมิใจไทยยื่นเข้ามา ส่วนอีก 3 คน ซึ่งรวมถึงนายสาลีด้วยคือ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ที่ย้ายมาจากพรรคอื่น เพราะฉะนั้น การสิ้นสุดสมาชิกภาพของนายสำลีจึงไม่ได้ทำให้ตำแหน่ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทยว่างลงตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2) แต่อย่างใดเลย และประเด็นสุดท้าย จะส่งผลให้คะเเนนของพรรคอนาคตใหม่ถูกย้ายไปพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ ถ้าปล่อยให้การตีความเป็นไปเช่นนี้ นั่นหมายความว่า ประชาชนที่ใช้สิทธิออกไปเลือกพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 6,300,000 กว่าเสียง แล้วปรากฎว่ามี ส.ส.ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย แล้ว ส.ส.ถูกตัดสิทธิ์ เเล้วระบุว่า บัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทยสามารถเลื่อนขึ้นมาได้ เท่ากับว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวระบุว่า คะเเนนสามารถโอนย้ายกันได้ใช่หรือไม่ หากเราปล่อยให้เกิดการเลื่อนบัญชีรายชื่อแบบนี้ เป็นการส่งเสริมขบวนการงูเห่าใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเเละขัดต่อเจตจำนงของประชาชน
“ผมและพรรคก้าวไกลเป็นกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากมาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2) ที่ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรประกาศรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับถัดไปเลื่อนขึ้นมา ผมจึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่าพึ่งมีการเลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อและรอดูคำวินิจฉัยเต็ม ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อน ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะเข้าใจผิดลืมว่านายสำลี รักสุทธี เคยเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทยตั้งเเต่เเรก เราต้องการให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบอีกครั้ง โดยระงับการเลื่อนลำดับ เพราะเราเห็นว่ามันขัดข้อกฎหมายเเน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว