"จิราพร"ซัดงบฉบับขูดรีด ปชช. ใช้เงินมือเติบแต่หารายได้ไม่เป็น

2022-06-01 11:28:01

"จิราพร"ซัดงบฉบับขูดรีด  ปชช. ใช้เงินมือเติบแต่หารายได้ไม่เป็น

Advertisement

"จิราพร"ซัดงบฉบับขูดรีด  ปชช.  ใช้เงินมือเติบ สุรุ่ยสุร่าย แต่หารายได้ไม่เป็น ลั่นถ้า "ทักษิณ" อยู่ยาว 8 ปี หน้าตาเศรษฐกิจไทยจะไม่เป็นแบบนี้

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่ 2 โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งได้แจ้งการใช้เวลาการอภิปรายของแต่ละฝ่ายในวันแรก พบว่าใช้เวลารวม 13 ชม. 13 นาที โดย ครม.และพรรคร่วมรัฐบาล ได้เวลาจัดสรร 22 ชม. ใช้เวลาไปแล้ว 2 ชม. 12 นาที ส่วน ส.ส.ร่วมรัฐบาล ใช้เวลา 3 ชม. 53 นาที เหลือเวลา  15 ชม. 53 นาที ขณะที่ฝ่ายค้าน ได้เวลาจัดสรร 22 ชม. ใช้เวลาแล้ว 6 ชม.50 นาที เหลือเวลา 15 ชม. 9 นาที

จากนั้น น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายเป็นคนแรก ว่า การจัดงบประมาณปี66 เป็นฉบับขูดรีดประชาชน ตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง รัฐบาลกู้ได้สูงสุด 7.1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลตั้งใจปรับลดเหลือ 6.9 แสนล้านบาท ไม่ยอมกู้เต็มเพดาน ให้ตัวเลขดูน้อยกว่าปีก่อน เพื่อหลบเลี่ยงการโดนวิจารณ์ว่าเป็นนักกู้ และเพิ่มประมาณการรายได้แทน โดยปี 66 ตั้งเป้าเก็บรายได้ถึง 2.49 ล้านล้านบาท พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเอาเปรียบประชาชน เพราะรัฐบาลตั้งเป้าจะเก็บภาษีนิติบุคคลให้ได้ 6.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 หมื่นล้านบาท ถามว่าจะเน้นเก็บจากใคร จากธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) เชื่อว่าภาษีนิติบุคคล 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากบริษัทขนาดใหญ่ รัฐบาลอาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเหล่านี้เพื่อที่จะได้มาจ่ายภาษีตามที่รัฐบาลตั้งเป้า และละเลยธุรกิจเอสเอ็มอี แต่หากเก็บภาษีจากธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้ตามเป้า กรรมก็อาจตกมาอยู่ที่เอสเอ็มอีที่บอบช้ำอยู่แล้ว

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่รัฐบาลเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่พอเก็บจริงไม่สามารถเก็บจากกลุ่มเป้าหมายได้ เพราะมีช่องโหว่ทางกฎหมาย กลายเป็นว่าคนที่จ่ายภาษีจริง คือคนที่มีรายได้ปานกลางเป็นชนชั้นกลาง นอกจากรัฐบาลจะรีดภาษีประชาชนยามวิกฤต รัฐบาลยังไปขอเงินจากรัฐวิสาหกิจเพิ่ม ตั้งแต่ปีงบ 65 – 66 รัฐบาลเรียกเก็บเงินจากรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเข้าคลังเพิ่มขึ้นอีก 5 เปอร์เซนต์จากเดิมต้องนำเงินส่งคลัง 45 เปอร์เซนต์ ของกำไร เท่ากับว่ารัฐวิสาหกิจต้องแบ่งกำไร 50 เปอร์เซนต์ เข้าคลัง

น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการปล่อยปละ ละเลย ให้รัฐวิสาหกิจขูดรีดประชาชนด้วยการประกาศขึ้นค่าไฟโดยที่รัฐไม่เข้าไปกำกับดูแลถือว่าผิด รัฐบาลต้องการส่วนแบ่งกำไรจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นส่วนแบ่งของรัฐบาลใช่หรือไม่ รัฐบาลกำไรปล่อยให้ประชาชนไปตายเอาดาบหน้า แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม คงไม่รู้สึกอะไร เพราะท่านอยู่บ้านหลวง ใช้ไฟฟรี น้ำฟรี รถหลวง ไม่เข้าใจความทุกข์ยากประชาชน

"รัฐบาลใช้เงินมือเติบ สุรุ่ยสุร่าย แต่หารายได้ไม่เป็น บริหารประเทศมา 8 ปี ยังลงทุนแบบเก่าๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เมื่อเกิดโควิด - 19 เราไม่มีอะไรขับเคลื่อนใหม่ๆ มัวแต่กินบุญเก่า เศรษฐกิจประเทศจึงน่วมมาจนทุกวันนี้ ถ้ารัฐบาลทักษิณอยู่ยาว 8 ปี อย่างพล.อ.ประยุทธ์ หน้าตาเศรษฐกิจไทยจะไม่ใช่แบบนี้แน่นอน ถ้าประชาชนให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เราจะนำนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟท์พาวเวอร์ มาใส่ลงในเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ ความคิดสร้างสรรค์ไม่มีวันเกิดขึ้นได้จากรัฐบาลเผด็จการ สืบทอดอำนาจ” น.ส.จิราพร กล่าว

น.ส.จิราพร กล่าวด้วยว่า ถ้าปล่อยให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ผ่านทุกอย่างจะวนเวียนซ้ำซากแบบนี้ทุกปี ไม่เห็นอนาคตของประเทศ อยากให้นายกรัฐมนตรี ทำความเข้าใจว่ารัฐบาลทำงบแบบเดิม โครงสร้างแบบเดิม เปลี่ยนแค่ตัวเลขใหม่ ตนจึงไม่อยากให้เอาร่างกลับไปแก้ เพราะแก้ไปก็เหมือน 8 ปีที่ผ่านมา จึงขอให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี66 ถูกตีตกไปพร้อมพล.อ.ประยุทธ์และให้รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งของประชาชนได้มาจัดทำงบฉบับใหม่เพื่อคืนความหวังให้ประชาชน