สธ.แจงต่างชาติ 3 รายมีไข้ตุ่มน้ำใสตรวจพบเชื้อเริม

2022-05-30 16:44:57

สธ.แจงต่างชาติ 3 รายมีไข้ตุ่มน้ำใสตรวจพบเชื้อเริม

Advertisement

สธ.แจงต่างชาติ 3 รายมีไข้ตุ่มน้ำใสตรวจแล็บพบเชื้อเริมชนิดที่ 1 ส่วน 12 ราย ใกล้ชิดคนติดเชื้อเชื้อยังไม่มีอาการ กำชับหมอพบผู้ป่วยอาการเข้าข่ายให้สงสัยเป็นโรคฝีดาษลิงทันที ก่อนส่งตรวจต่อไป 

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.65  ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง ว่า ข้อมูลในประเทศไทยถึงเมื่อวันที่ 29 พ.ค.65 ที่ผ่านมา มีรายงานพบชาวต่างชาติ 1 รายที่เดินทางมาจากประเทศแถบยุโรป แล้วมาต่อเครื่องที่ประเทศไทยเพื่อเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย โดยมีการรอเปลี่ยนเครื่องในไทย 2 ชม. ไม่มีอาการอะไร แต่พอบินไปถึงออสเตรเลียแล้ว ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อฝีดาษลิง ดังนั้นทางประเทศไทยจึงต้องสอบสวนโรค พบว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิดบนเครื่องบิน และลูกเรือ รวม 12 คน จึงด้ำการเฝ้าระวังซึ่งผ่านมา 7 วันแล้วยังไม่มีใครมีอาการแต่อย่างใด ทั้งนี้จะติดตามครบ 21 วัน

นพ.จักรรัฐ กล่าวต่อว่า  ส่วนอีกกรณีคือ มีชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 ราย เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยง และเข้าประเทศไทย บินตรงมาลงที่ จ.ภูเก็ตวันที่ 4 พ.ค. วันที่ 5 พ.ค. และวันที่ 13 พ.ค. มีการเข้าไปฝึกมวยที่ค่ายมวย แล้วพบว่ามีไข้ มีต่ำน้ำใส ตุ่มหนอง เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อบวกกับประวัติที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง จึงถือว่าเข้าได้กับโรคฝีดาษลิง เข้ารับการรักษาในรพ.เอกชน ก่อนส่งต่อมายังสถาบันบำราศนราดูร เพื่อทำการตรวจแยกโรค ซึ่งมีความเป็นไปได้หลายโรค ทั้งเริม ฝีดาษลิง และโรคอื่นๆ ทั้งนี้จากการตรวจหาเชื้อในห้องปฏิบัติการของสถาบันบำราศ และรพ.จุฬาลงกรณ์ ยืนยันว่าเป็นเชื้อเริมชนิดที่ 1 คือชนิดที่มีมีการติดต่อทางผิวหนัง ส่วนชาวต่างชาติคนอื่นๆ ที่อยู่ในค่ายมวยเดียวกันมีอาการ 2 ราย คาดว่ามีการติดเชื้อจากการใช้อุปกรณ์ชกมวยร่วมกันในค่าย

นพ.จักรรัฐ  กล่าวด้วยว่า ดังนั้นโดยสรุปสถานการณ์ในประเทศไทยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าฝีดาษวานรไม่ใช่โรคติดต่ออันตรายเหมือนกับโรคซาร์ส โรคเมอร์ส หรือโรคโควิด -19 ตอนนี้ถุกจัดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังเหมือนกับโรคไข้เลือดออก โรคสุกใส เพราะฉะนั้นจะไม่มีการเริ่มต้นแล้วกักตัวเลย จนกว่าจะเข้าเกณฑ์ ทั้งนี้เน้นการเฝ้าระวังโรค 3 ส่วน คือ ผู้เดินทางเข้าในประเทศผ่านสนามบินต่าง ๆ เฝ้าระวังในสถานพยาบาล คลินิกโรคผิวหนัง คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ดูแลสัตว์นำเข้าจากแอฟริกา นอกจากนี้จะมีการเตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ การเตรียมทีมสอบสวนโรค ซึ่งเป็นโรคใหม่ เตรียมพร้อมด้านยาและเวชภัณฑ์ วัคซีน อุปกรณ์การแพทย์ สำหรับคนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศต้องเฝ้าระวังตัวเอง และเลี่ยงการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก ติดตามสถานการณ์ในประเทศนั้น ๆ เมื่อกลับมาที่ประเทศไทย หากมีไข้ บวกอาการเสี่ยง ประวัติเสี่ยงขอให้แจ้งทีมแพทย์ เพื่อทำการเฝ้าระวังต่อไป โรคฝีดาษวานร ถือว่าเป็นโรคใหม่ ในประเทศไทยไม่เคยเจอมาก่อน หมอหลายๆ ท่านก็ไม่เคยเห็น อาจจะเคยเห็นเพียงแค่ในรูปถ่าย ดังนั้นตอนนี้จึงมีการกำชับว่า หากพบอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร มีประวัติเดินทางไปประเทศเสี่ยง ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นฝีดาษวานร เพื่อเข้าสู่การตรวจสอบต่อไป

ผอ.กองระบาดวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 406 ราย ผู้ป่วยสงสัย 88 ราย รวม 494 ราย ใน 32 ประเทศ ส่วนใหญ่ประเทศต่างๆ รายงานในลักษณะเป็นผู้ป่วยสวสัยที่มาจากต่างประเทศ ตอนนี้ที่มีสีเข้ม คือองกฤษ 101 ราย เยอรมัน 22 ราย สเปน 139 ราย และ โปรตุเกส 74 ราย แคนาคา 63 ราย ทั้งนี้มีประเทศที่พบผู้ป่วยรายงานรายใหม่เมื่อวันที่ 29 พ.ค. คือ เม็กซิโก 1 ราย ไอแลนด์ 1 ราย เอกวาดอร์ 1 ราย มอร์ต้า 1 ราย ปากีสาน 1 ราย ดังนั้นหลายๆ ประเทศเริ่มพบผู้ป่วยแล้ว ส่วนเอเชีย เริ่มพบที่อิหร่าน ปากีสถาน แต่ประเทศในอาเซียนยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ เมื่อถามถึงกรณีการดูแล หรือการแยกตัว นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า หากมีความเสี่ยงไปสัมผัสเสี่ยงต่ำ ก็ขอให้สังเกตอาการตัวเองใกล้ชิด แต่ไม่ต้องกักตัว สามารถออกไปทำงานได้ แต่หากมีการสัมผัสเสี่ยงสูงขอให้กักตัวเองที่บ้าน สังเกตอาการ 21 วัน ทั้งนี้ แอลกอฮอล์สามารถฆ่าเชื้อได้ จึงขอให้ประชาชนยังคงมาตรการป้องกันตัวเองสูงสุด หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย