"ชัชชาติ" ลงพื้นที่ชุมชนเคหะบางบัวพบปัญหาการก่อสร้างท่อระบายน้ำสร้างความเดือดร้อน การจัดเก็บขยะมูลฝอย พื้นที่ทิ้งขยะมีไม่เพียงพอ กระตุ้น ผอ.เขต ส.ก. เร่งแก้ไขไม่ต้องรอผู้ว่าฯกทม.
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่สำรวจแฟลต 12 ชุมชนเคหะบางบัว เขตหลักสี่ กทม. ตรวจสอบปัญหาขยะ การก่อสร้างท่อระบายน้ำขวางทางสัญจร และปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ร่วมกับ นายตกานต์ สุนนทวุฒิ ว่าที่ ส.ก. เขตหลักสี่ พรรคเพื่อไทย และ นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผอ.เขตหลักสี่
นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาเดือดร้อนของชาวชุมชนแฟลต 12 เคหะบางบัว คือการก่อสร้างท่อระบายน้ำ ที่มีการวางวัสดุก่อสร้างขวางทางสัญจร รวมทั้งปัญหาการจัดเก็บขยะมูลฝอย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ขณะเดียวกัน พื้นที่ทิ้งขยะก็ยังมีถังขยะไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาได้แจ้งให้ ผอ.เขตหลักสี่รับทราบ และเร่งแก้ไขปัญหา การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการกระตุ้นให้ ผอ.เขต และ ส.ก. เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ต้องมีการสำรวจ และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพราะแต่ละเขตมีปัญหาหลายอย่าง การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้เป็นการลงมาแก้เพื่อปัญหาด้วยตัวเอง แต่เป็นการส่งสัญญาณให้ข้าราชการ และส.ก. ต้องลงมาดูแลประชาชน เอาประชาชนเป็นที่ตั้งไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ ลงไปจัดการเอง นอกจากนั้นชุมชนก็ต้องให้ความร่วมมือกับ กทม. ด้วย เช่นในเรื่องการทิ้งขยะ กทม. สามารถเอาถังขยะมาให้ชุมชนได้ แต่ชุมชนก็ต้องคอยช่วยกันสอดส่องดูแลให้มีการทิ้งขยะลงถัง เพราะกทม. ไม่สามารถเข้ามาสอดส่องได้ตลอดเวลา ทั้งชุมชนและกทม. ต้องร่วมมือกัน ต้องสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน กทม. ต้องไม่มองว่าชุมชนเป็นภาระแต่เป็นกำลังเสริมที่สำคัญในการช่วยพัฒนาเมือง
"การลงมาพื้นที่แบบในวันนี้ ไม่ใช่การลงมาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าข้าราชการต้องลงมาดูแลประชาชน อนาคตไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ ลงไป และผมว่าชุมชนกับกทม. ต้องไปด้วยกัน ต้องมีความร่วมมือทั้งสองฝ่าย อนาคตที่ผ่านมาเหมือนกับเราขาดความไว้ซึ่งกันและกันระหว่างชุมชนกับ กทม. ซึ่งอนาคตต้องสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน กทม.ต้องเอาชุมชนมาร่วมกัน ต้องไม่มองชุมชนเป็นภาระ แต่ชุมชนเป็นกำลังเสริมที่สำคัญที่จะช่วยให้เมืองพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว"นาย ชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ไม่ได้เป็นการคาดโทษ ผอ.เขต เชื่อว่าทุกคนอยากที่จะทำงานเพื่อประชาชน ในอนาคตประชาชนก็จะมีส่วนในการร่วมประเมิน ผอ.เขต ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ว่าปัญหาที่ร้องเรียนไปได้รับการแก้ไขหรือไม่ จะทำให้สามารถเห็นผลการทำงานของผอ.เขต และสามารถประเมินการทำงานได้ทันที การแก้ไขปัญหาในชุมชนไม่ใช่เรื่องยากและใช้งบประมาณสูง แต่เปลี่ยนวิถีชีวิต ความรู้สึกของคนในชุมชนให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ความเร็วในการตอบสนองความต้องการของประชาชน เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความไว้วางใจกับชุมชน ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องรวดเร็ว หากมีความล่าช้าเกิดขึ้นประชาชนก็จะไม่มีความไว้วางใจ