"อิสระ"หนุนยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มการโอนคริปโทเคอร์เรนซี ช่วยกระตุ้นนักลงทุนมาซื้อ-ขายผ่านหน่วยแลกเปลี่ยนที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 65 นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจทันสมัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยเเพร่พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 744) พ.ศ. 2565 ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับภาษีคริปโทเคอร์เรนซี สร้างความกังวล ให้หมู่นักลงทุน เช่น การหักภาษีคริปโทเคอร์เรนซี 15% ณ ที่จ่าย ทำให้มีการโอนย้ายเงินออกไปแลกเปลี่ยนซื้อขายกันที่ต่างประเทศ จำนวนมาก ส่งผลให้การกำกับดูแลนั้นเป็นได้ยากยิ่งขึ้นนั้น ในขณะที่กรมสรรพากร พยายามหาทางออกให้ทุกฝ่าย ท่ามกลางความคลุมเครือของแนวทางนโยบายสกุลเงินดิจิทัลของประเทศ จนออกมาเป็นมาตรการทางออก คือ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65-31 ธ.ค.66 ตามที่ได้ประกาศแล้วนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนมาซื้อ-ขาย ผ่านหน่วยแลกเปลี่ยนที่ได้รับการรับรองจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แทนที่จะไปซื้อขายกันในที่อื่น ในต่างประเทศ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจไม่สามารถเข้าไปช่วยดูแลอะไรได้หากเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่ง ก.ล.ต.ต้องพยายามสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของแพลทฟอร์มไทยอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นที่ยอมรับของนักลงทุน
นายอิสระ กล่าวต่อว่า ขอเน้นย้ำถึง แนวนโยบายเศรษฐกิจทันสมัย ปชป.ว่า สกุลเงินดิจิทัล ถือเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจทันสมัย ต้องไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเชิญชวนผู้คนให้เข้ามาลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัลกลุ่มฟินเทค แต่เป็นนโยบายเศรษฐกิจที่ต้องหมุนทันโลก รู้เขา รู้เรา สร้างภูมิคุ้มกันวัคซีนทางเศรษฐกิจ ใช้เป็นอาวุธรับมือความเสี่ยงที่ไม่คาดฝัน ยิ่งในโลกคริปโทเคอร์เรนซี ผันผวน ความเสี่ยงสูงกว่าตลาดทุนอื่น และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการครอบคลุม 2 ประเด็นหลัก 1.รู้จักและ เข้าใจในกลไกของบิตคอยน์ สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี และฟินเทครูปแบบใหม่ๆ เพื่อจะได้เลือกใช้ประโยชน์ในเวลา และโอกาสที่เหมาะสม 2.ความเข้าใจ และวิธีบริหารความเสี่ยง ประชาชนทั่วไปในฐานะนักลงทุนรายย่อยจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบอย่างกะทันหันและไม่ทันตั้งตัว