×ข่าวรายการผังรายการรายการสด ร่วมงานกับเราติดต่อเรา

เรื่องย่อ Abigail เด็กอาจร้ายกาจเหมือนปิศาจ

เรื่องย่อ Abigail เด็กอาจร้ายกาจเหมือนปิศาจ
2024-04-04 18:00:13

เรื่องย่อ Abigail เด็กอาจร้ายกาจเหมือนปิศาจ



หลังจากกลุ่มอาชญากรมือสมัครเล่น ลักพาตัวสาวน้อยนักบัลเล่ต์ ลูกสาวอายุ 12 ปีของเจ้าพ่ออาชญากรผู้ทรงอำนาจมา สิ่งที่พวกเขาต้องทำเพื่อจะรับเงินค่าไถจำนวน 50 ล้านดอลล่าร์ ก็คือการเฝ้าเด็กหญิงเป็นเวลาหนึ่งคืน ในคฤหาสน์ที่โดดเดี่ยว เหล่าผู้กักขังเด็กเริ่มลดจำนวนลง ทีละคน ทีละคน และพวกเขาต้องขนหัวลุกมากขึ้นเมื่อพบว่าพวกเขาถูกขังอยู่ในคฤหาสน์กับเด็กหญิงที่ไม่ใช่เด็กปกติ




จากเรดิโอ ไซเลนซ์ ทีมผู้กำกับ แม็ตต์ เบ็ตติเนลลี่-โอลพิน และไทเลอร์ กิลเล็ตต์ ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ฮิตสยองขวัญยุคใหม่ที่แสนสะพรึงอย่าง Ready or Not, ภาพยนตร์ปี 2022 เรื่อง Scream และภาพยนตร์เมื่อปีที่แล้วอย่าง Scream VI พร้อมนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์กระหายเลือดที่พวกเขานำมาจินตนาการใหม่ ซึ่งเขียนบทโดย สตีเฟ่น ชิลด์ส (The Hole in the Ground, Zombie Bashers) และกาย บูซิก (ภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่อง Scream, Ready or Not)



Abigail นำแสดงโดย เมลิสซ่า บาร์เรร่า (ภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่อง Scream, In the Heights), แดน สตีเว่นส์ (Gaslit, Legion), แคธริน นิวตัน (Ant-Man and the Wasp: Quantumania, Freaky), วิลเลี่ยม แค็ตเล็ตต์ (Black Lightning, True Story), เควิน ดูแรนด์ (Resident Evil: Retribution, X-Men Origins: Wolverine) และแองกัส คลาวด์ (Euphoria, North Hollywood) ในบทโจรลักพาตัว และอลิชา เวียร์ (Roald Dahl’s Matilda the Musical, Darklands) ในบท อบิเกล และทีมนักแสดงที่น่าภาคภูมิใจยังรวมถึง แมทธิว กู้ด (The Crown, Downton Abbey) และนักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงห้ารางวัลเอ็มมี่ จิอันคาร์โล เอสโพซิโต้ (Breaking Bad, Better Call Saul) รับบท แลมเบิร์ต ผู้วางแผนลักพาตัว อบิเกล จนสำเร็จ





ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย วิลเลี่ยม เชอรัก (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ เรื่อง Scream, Ready or Not), พอล เนนสตีน (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ เรื่อง Scream; ผู้อำนวยการสร้างบริหาร, The Night Agent) และเจมส์ แวนเดอบิลต์ (Zodiac, ภาพยนตร์แฟรนไชส์ เรื่อง Scream) โดยพวกเขาผลิตผลงานให้กับบริษัทโปรเจ็กต์ เอ็กซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์, ทริปป์ วินสัน (Ready or Not, Journey 2: The Mysterious Island) และแช็ด วิเลลล่า จาก เรดิโอ ไซเลนซ์ (ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่อง Ready or Not และภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่อง Scream) ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ รอน ลินช์ (Scream VI, ภาพยนตร์ปี 2022 เรื่อง Scream) และแม็คดารา เคลเลเฮอร์ (Foundation, Evil Dead Rise)



ผู้กำกับภาพ ได้แก่ แอรอน มอร์ตัน nzcs (Black Mirror: Bandersnatch, The Lord of the Rings: The Rings of Power), โปรดักชั่นดีไซเนอร์ ได้แก่ ซูซี่ คัลเลน (Sexy Beast, Happy Valley) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ได้แก่ เกวน เจฟฟาเรส (เคยทำหน้าที่คอสตูมซูเปอร์ไวเซอร์ ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Cocaine Bear, Rig 45) ดนตรีประกอบเป็นฝีมือของ ไบรอัน ไทเลอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ (The Super Mario Bros. Movie, Fast X) ผู้ลำดับภาพ ได้แก่ ไมเคิล พี ชอว์เวอร์ (ภาพยนตร์เรื่อง Black Panther, A Quiet Place Part II) และแคสติ้งตัวนักแสดงโดย ริช เดเลีย (ภาพยนตร์เรื่อง IT, The Nun) ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอภาพยนตร์ของบริษัทเรดิโอ ไซเลนซ์ ผลงานการสร้างของ โปรเจ็กต์ เอ็กซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ / วินสัน ฟิล์มส์ / เรดิโอ ไซเลนซ์





เรื่องราวความเป็นมา

นับแต่กระโดดเข้าสู่วงการภาพยนตร์อินดี้ด้วยภาพยนตร์ในปี 2012 ที่เป็นงานรวมเรื่องราวจากภาพวิดีโอที่ถูกพบ เรื่อง V/H/S เรดิโอ ไซเลนซ์, สองผู้กำกับ แม็ตต์ เบ็ตติเนลลี่-โอลพิน และไทเลอร์ กิลเล็ตต์ และผู้อำนวยการสร้าง แช็ด วิลเลลล่า ต่างเพลิดเพลินไปกับความสำเร็จทางรายได้อย่างมหาศาลของภาพยนตร์เรื่องฮิตอย่าง Ready or Not, Scream และ Scream VI ภาพยนตร์หลายเรื่องของไซเลนซ์ที่ผสมผสานความตึงเครียดเข้ากับความน่ากลัวที่แสนจริงจังและความวายป่วงนองเลือดได้อย่างไร้รอยต่อ ควบคู่ไปกับอารมณ์ขันเสียดสี ได้ช่วยผลักดันความสนใจที่ผู้คนมีต่อภาพยนตร์แนวนี้ ที่ชนะใจแฟนๆ ภาพยนตร์สยองขวัญรุ่นใหม่

ผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดของพวกเขา Abigail ยังคงมีลักษณะเด่นทุกอย่างจากผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขา ขณะที่นำเสนอลักษณะใหม่ที่น่าตื่นเต้นให้กับตำนานแวมไพร์คลาสสิค เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการบุกปล้นที่มีเดิมพันสูง เป็นภารกิจอันตราย ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็จะทำให้คนแปลกหน้าหกคนได้เงินมากถึง $50 ล้าน ทั้งหกคนที่ได้รับการคัดเลือกและติดต่อโดยคนกลางที่มีความลึกลับ ประกอบไปด้วยคนขับรถ, พลแม่นปืน, แพทย์, ชายร่างกำยำ, แฮ็คเกอร์ และชายร่างบาง หรือเป็นผู้นำของภารกิจนี้ ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาจะถูกเก็บไว้เป็นความลับจากกันและกัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้ามีคนใดคนหนึ่งโดนจับได้ คนๆ นั้นจะไม่สามารถแพร่งพรายตัวตนของผู้ร่วมวางแผนปล้นได้ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันเพื่อแทรกซึมเข้าไปในบ้านที่มีการตกแต่งอย่างดีของเจ้าพ่อมาเฟียรักสันโดษ ผู้นำอาณาจักรอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ หลังจากล่อลวงและจับตัว อบิเกล ลูกสาวนักบัลเล่ต์ของเจ้าพ่อมาเฟียมาได้ พวกเขาต้องพาตัวเธอกลับไปที่คฤหาสน์ที่ห่างไกลให้สำเร็จ และจากนั้นก็แค่ต้องรอเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้น เงินสดก้อนโตก็จะมาถึงมือ



ถึงแม้จะผสมรวมระหว่างความฉลาดและโชคช่วย จนทำให้การเดิมพันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่โจรลักพาตัวกลุ่มนี้ไม่รู้ก็คือที่ซ่อนตัวอันแสนลึกลับของพวกเขา แท้จริงแล้วคือสนามเด็กเล่นของนักล่าผู้หิวกระหาย และเธอไม่ยอมรอที่จะพลิกบทบาทโจมตีใส่โจรที่ลักพาตัวเธอมา และจัดบทลงโทษอย่างรุนแรง “เราคิดว่ามันเป็นการผสมผสานไอเดียที่แตกต่างกันได้อย่างสนุกสนานมากครับ” เบ็ตติเนลลี่-โอลพิน กล่าว “ให้ความรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการปล้น ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวและผลักดันด้วยตัวละคร และมันถูกแทนที่ด้วยภาพยนตร์แวมไพร์ เรายังคิดอีกว่าตัวละคร อบิเกล เด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่คุณมีความรู้สึกเห็นใจในครึ่งแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อเธอกลายมาเป็นตัวผู้ร้าย มันจะมีการปลดปล่อยอารมณ์อยู่ในนั้น คุณอยากเห็นเธอบู๊ตื้บทุกคนครับ”



เด็กหญิงนักบัลเล่ต์ขาลุยที่ซดเลือดเป็นอาหารเกิดมาจากมันสมองของมือเขียนบท สตีเฟ่น ชิลด์ส ตัว ชิลด์ส เองที่เป็นแฟนภาพยนตร์สยองขวัญอยู่แล้ว มีผลงานแจ้งเกิดอย่างรวดเร็วจากบทภาพยนตร์เรื่อง The Hole in the Ground ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เข้าร่วมงานเทศกาลซันแดนซ์ในปี 2019 เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่ที่เริ่มหวาดกลัวและสงสัยในตัวลูกชายของเธอ เมื่อเขากลับมาบ้าน และเปลี่ยนไปจนน่าขนลุก หลังจากหายตัวไปในป่าหลังบ้านในย่านชนบทเป็นเวลาสั้นๆ



ชิลด์สกำลังหาวิธีสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองในระหว่างบินจากดับลินไปลอสแองเจลิส เมื่อตอนที่เขาเกิดความคิดที่กลายมาเป็นเรื่อง Abigail “ผมกำลังคิดว่าผมไม่ได้ดูหนังเกี่ยวกับการปล้นดีๆ มาพักใหญ่แล้ว” ชิลด์สกล่าว เมื่อคิดถึงภาพยนตร์อาชญากรรมเรื่องโปรดของเขา อย่างภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 1992 ของ เควนติน ทาแรนติโน่ เรื่อง Reservoir Dogs ชิลด์สเริ่มครุ่นคิดหาคอนเซ็ปต์ให้กับภาพยนตร์ของเขาเองบ้าง และเพื่อความสนุก เขาตัดสินใจที่จะใส่อสูรกายในภาพยนตร์สยองขวัญเข้าไปในส่วนผสมนี้

แวมไพร์คือตัวเลือกที่เป็นธรรมชาติที่สุด เพราะ ชิลด์ส มีความชื่นชอบในตัวปีศาจมีเขี้ยวเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ในภาพยนตร์อย่าง Salem’s Lot, The Lost Boys และ Fright Night “สำหรับผม แรงบันดาลใจก็คือความรักในภาพยนตร์สองแนวที่ผมชอบดูครับ” ชิลด์สกล่าว

ชิลด์ส ผู้เป็นมือเขียนบท นำเสนอไอเดียภาพยนตร์ที่จับงานปล้นมาผสมรวมกับงานสยองขวัญ ให้กับยูนิเวอร์แซลครั้งแรกในปี 2019 และทางสตูดิโอได้ซื้อโครงร่างแรกของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ในปีต่อมา ทางทีมผู้บริหารที่ตื่นเต้นกับโอกาสความสำเร็จของโปรเจ็กต์นี้ ได้ตามหาหุ้นส่วนในการอำนวยการสร้างที่จะเข้ามาจุดประกายให้กับการผสมรวมกันของภาพยนตร์สองแนวเรื่องนี้ โดยมีแวมไพร์เป็นหัวใจของเรื่อง ที่มาเป็นชื่อแรกในบรรดารายชื่อผู้อำนวยการสร้าง ก็คือ วิลเลี่ยม เชอรัก ซึ่งบริษัท โปรเจ็กต์ เอ็กซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ของเขา เป็นผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Ready or Not และภาพยนตร์ Scream ทั้งสองเรื่องของเรดิโอ ไซเลนซ์





เชอรักรู้สึกว่าด้วยการปรับแต่งหลักๆ ไม่กี่อย่าง Abigail น่าจะเป็นสิ่งที่ เบ็ตติเนลลี่-โอลพิน และไทเลอร์ กิลเล็ตต์ สามารถทุ่มเทความสามารถของพวกเขาใส่ลงไปได้ เขาอยากแน่ใจว่าพวกโจรลักพาตัวจะรู้สึกเหมือนคนจริงๆ ทั่วไปที่บังเอิญดันมาพบตัวเองในสถานการณ์ที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งมันเป็นจุดเด่นของผลงานของเรดิโอ ไซเลนซ์ทุกเรื่อง

“สิ่งที่พวกเขาเก่งมาก ก็คือการเปิดโอกาสให้ครึ่งแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพื้นที่ของการพัฒนาตัวละคร ซึ่งทำให้คุณชอบพวกเขาจริงๆ ได้รู้จักพวกเขา และเชื่อว่าพวกเขาคือคนจริงๆ ครับ” เชอรักกล่าว “จากนั้น เมื่อคุณจับพวกเขาลงไปอยู่ในสถานการณ์พิเศษ พาคนจริงๆ มาเจอปัญหาจริงๆ แล้วก็โยนแวมไพร์วัยรุ่นเข้าไปใส่พวกเขา และดูสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นแหละคือจุดที่เราพบความสนุกครับ”

สำหรับคนดู ความสนุกเริ่มต้นจริงๆ เมื่อเหล่าโจรลักพาตัวไปถึงแมนชั่น ที่มีชื่อว่าวิลเฮล์ม แมนเนอร์ ที่ซึ่งพวกเขาได้พบกับคนติดต่อที่ชื่อว่า แลมเบิร์ต ผู้เก็บมือถือของพวกเขาไปจนหมด เพื่อให้ไม่สามารถตามแกะรอยตำแหน่งของพวกเขาได้ จากนั้น เขายังได้ตั้งชื่อรหัสให้กับสมาชิกในทีม โดยชื่อเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่ม Rat Pack ซึ่งเป็นกลุ่มเอนเตอร์เทนเนอร์จากยุค 1950s ซึ่งประกอบไปด้วย โจอี้ บิชอป, แฟรงก์ ซิเนตร้า, แซมมี่ เดวิส จูเนียร์, ดีน มาร์ติน, ปีเตอร์ ลอว์ฟอร์ด และดอน ริคเกิลส์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของซิเนตร้า

ในขณะที่พวกเขาเริ่มหวาดระแวงและทะเลาะกัน เหตุผลที่พวกเขาเข้าร่วมในการจับตัวเด็กมาเรียกค่าไถ่ครั้งนี้ก็ค่อยๆ ถูกเผยออกมา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้พวกเขาไว้วางใจกันและกันมากขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นตอนที่ อบิเกล ถอดหน้ากากความเป็นเด็กอินโนเซนต์ออกไปนั่นเองที่ทำให้พวกเขาเริ่มผนึกรวมกลุ่มกัน เพราะไม่งั้นพวกเขาก็คงต้องตายกันหมดเมื่อถึงรุ่งสาง



การทำงานจากโครงร่างบทภาพยนตร์ของชิลด์ส กาย บูซิก ที่เป็นมือเขียนบท ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการเพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นผลงานการสร้างของเรดิโอ ไซเลนซ์จริงๆ บูซิกที่เขียนบทให้กับภาพยนตร์ที่ฮิตที่สุดสามเรื่องของทีมนี้ รู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้กลับมาทำงานกับพวกเขาอีกครั้ง “แม็ตต์, ไทเลอร์ และแช็ด เป็นทีมผู้สร้างภาพยนตร์ที่เก่งมาก และยังเป็นคนดีอีกด้วยครับ” บูซิกกล่าว “เรามีคำรหัสสุดสร้างสรรค์ที่ทำให้งานของพวกเราทุกงานง่ายขึ้น เราแบ่งปันความรู้สึกเดียวกัน และเราก็ชอบหนังแปลกๆ ประหลาดๆ ที่มันไม่น่าจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ประสบความสำเร็จจนได้”

บูซิกที่รู้สึกติดใจในแนวคิดหลักที่เป็นการจับภาพยนตร์อาชญากรรมมาผสมรวมกับภาพยนตร์อสูรกาย บอกว่าเขา “เคยดูหนังแวมไพร์ทุกเรื่องที่ผมสามารถดูได้ครับ” และหนึ่งในภาพยนตร์อสูรกายที่เขาได้ดู ก็รวมถึงภาพยนตร์คลาสสิกอย่างภาพยนตร์ปี 1931 ของยูนิเวอร์แซล เรื่อง Dracula ซึ่งกำกับโดย ท็อด บราวนิ่ง และนำแสดงโดย เบล่า ลูโกซี่ ในบทนำ และภาพยนตร์ของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า เรื่อง Bram Stoker’s Dracula ภาพยนตร์จากปี 1992 ซึ่งแสดงนำโดย แกรี่ โอลด์แมน ส่วนภาพยนตร์ปี 1996 ของทาแรนติโน่เรื่อง From Dusk Till Dawn ก็เป็นแรงบันดาลใจ ในการเปลี่ยนจากเรื่องราวแนวทริลเลอร์อาชญากรรมให้กลายเป็นความสนุกแบบภาพยนตร์แวมไพร์ “ผมยังจำได้เสมอว่าไปดูภาพยนตร์เรื่องนั้นในสภาพหนาวเหน็บ และก็รู้สึกทั้งช็อคและสนุกมากครับ” บูซิกเล่า



หลังจากปัดฝุ่นตำนานแวมไพร์ของเขาแล้ว บูซิก พร้อมด้วยทีมผู้สร้างคนอื่นๆ ตั้งเป้าที่จะสร้างผลงานที่จะเป็นการให้กำเนิดภาพยนตร์อสูรกายขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยความกล้าหาญ เป็นผลงานที่มาพร้อมตัวร้ายที่น่ากลัวและสดใหม่ในแบบที่ไม่เหมือนที่คนดูเคยได้ดูมาก่อน

“เป้าหมายของเราคือการทำให้อบิเกลแข็งแกร่งและมีความจำเพาะมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้น ก็เพิ่มการตกแต่งรายละเอียดของตัวอสูรกายเข้าไป” บูซิกกล่าว “ทีมผู้อำนวยการสร้างและเรดิโอ ไซเลนซ์ กับผมระดมความคิดกันว่าพลังและจุดอ่อนอันไหนของแวมไพร์ที่เป็นไปตามขนบที่เธอควรจะมี เธอจะกลายร่างเป็นค้างคาวได้ไหม ไม่ได้ แต่เธอบินได้นะ กระเทียมจะส่งผลต่อเธอไหม ไม่ แต่แสงอาทิตย์ยังมีผลกับเธอ เราอยากให้เธอดูน่ากลัว น่าเกรงขาม และดูเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ไม่ว่าเธอจะแยกเขี้ยวหรือไม่ก็ตามครับ” กิลเล็ตต์กล่าวเสริม “สำหรับเรา เป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มก็คือการบอกเล่าเรื่องราวในสายเดียวกับภาพยนตร์แวมไพร์เรื่องโปรดของเรา แต่ก็ต้องใส่ส่วนเพิ่มเติมที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัยเข้าไปด้วยครับ”



การรวบรวมทีมนักแสดงระดับแนวหน้าให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เรดิโอ ไซเลนซ์มุ่งหน้าไปถ่ายทำ Abigail กันในไอร์แลนด์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนของปี 2023 ระหว่างถ่ายทำ เป็นหน้าที่ของเบ็ตติเนลลี่-โอลพิน และกิลเล็ตต์ ในการสร้างสมดุลของความตึงเครียดที่เกิดจากบุคลิกของเหล่าโจรลักพาตัว ที่มาปะทะเข้ากับความกลัวที่ อบิเกล สร้างขึ้นกับพวกเขา บ่อยครั้งที่สองผู้กำกับจะต้องใช้ตัวเองในการตรวจเช็คเพื่อให้แน่ใจว่าภาพยนตร์เรื่อง Abigail จะทำได้สำเร็จอย่างที่ต้องการในแง่ของโทนเรื่อง เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องแน่ใจว่าความเป็นงานแนวตลกจะไม่ครอบงำความเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ

ภารกิจของพวกเขาคือการส่งมอบประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์ที่ยากจะลืมเลือนให้กับแฟนๆ ภาพยนตร์แนวนี้ ซึ่งรวมถึงตัวพวกเขาด้วย “เราวางเป้าหมายเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับพวกเราเองครับ” เบ็ตติเนลลี่-โอลพินกล่าว “เราพยายามทำให้แน่ใจว่าทุกฉากไม่เพียงแต่ทำงานของมันในระดับของการเล่าเรื่องเท่านั้น แต่ยังจะต้องตอบโจทย์ต่างๆ ในแง่ของความบันเทิงด้วย เราอยากแน่ใจว่ามันจะต้องสนุก ตื่นเต้น น่ากลัว ได้อารมณ์ ดังนั้นเมื่อคุณนั่งดูไปถึงตอนจบ คุณจะมีความรู้สึกท่วมท้นในใจว่าได้ผ่านงานที่สนุก ตื่นเต้น น่ากลัว และมีอารมณ์ต่างๆ รวมอยู๋ในภาพยนตร์เรื่องเดียว”

กิลเล็ตต์กล่าวเสริมว่า “มันคือภาพยนตร์สยองขวัญที่คุณจะได้ทำทั้งหมดนี้ในเรื่องเดียว ไม่มีอะไรเหมือนประสบการณ์ที่ได้เข้าไปนั่งในโรงภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยผู้คน ได้ปลดปล่อยอารมณ์ร่วมกัน ได้หวาดกลัวด้วยกัน ได้หัวเราะด้วยกัน สิ่งที่เราต้องการก็คือการที่คนดูเดินออกไป พร้อมกับช่วงเวลาที่ดีครับ”



เหล่าตัวละคร

โจอี้

เมลิสซ่า บาร์เรร่า

แพทย์ผู้มีฝีมือที่มาพร้อมประสบการณ์การฝึกการต่อสู้ โจอี้ ที่รับบทโดย เมลิสซ่า บาร์เรร่า เป็นคนที่ใช้ยากล่อมประสาทเพื่อทำให้ อบิเกล สงบลง เพื่อให้สมาชิกในทีมพาตัวเด็กออกจากบ้านที่มีคนเฝ้าอย่างแน่นหนาได้ ปัญหาก็คือ โจอี้ คงจะไม่มีวันยอมตกลงทำงานนี้ถ้าเธอรู้ว่าเป้าหมายเป็นเด็ก “เธอไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องลักพาตัวเด็กอายุ 12 ค่ะ” เมลิสซ่า บาร์เรร่า บอก “ตอนเธอรู้เรื่องนี้ มันทำให้เธอสับสนอย่างมาก”

ความรู้สึกเห็นใจและความเมตตาของโจอี้ ทำให้เธอคือตัวละครที่ใกล้เคียงกับความเป็นฮีโร่ตามขนบของภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยอสูรกายมากที่สุด และบาร์เรร่าก็รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้สำรวจความซับซ้อนในหัวใจของตัวละครตัวนี้ เป็นผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชนะปัญหาเรื่องการใช้สารเสพติดที่ติดตามตัวเธอมาตั้งแต่เธอทำงานอยู่ในกองทัพ โดยหวังว่าเธอจะได้กลับมาอยู่กับลูกชายอีกครั้ง

“โจอี้ต้องแบกรับภาระและความรู้สึกผิดมากมาย เธอพยายามจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าพอที่จะเรียกตัวเองว่าแม่ของลูก” บาร์เรร่าบอก “เธอล้างสมองตัวเองให้คิดว่า ‘นี่คืองานสุดท้ายของฉัน งานนี้จะทำให้ฉันมีเงินที่ฉันต้องการเพื่อหนีไปจากชีวิตที่ฉันเป็นอยู่’ การรู้ว่างานนี้มีความหมายยังไงสำหรับเธอ คือทั้งหมดที่ฉันจำต้องรู้ค่ะ”

บาร์เรร่าไม่ใช่คนแปลกหน้ากับบทบาทตัวละครที่มีอดีตที่มีปัญหา ในภาพยนตร์ชุด Scream เธอรับบทเป็น แซม ลูกสาวของหนึ่งในฆาตกรจากภาพยนตร์ Scream ในปี 1996 เป็นคนที่ต้องรับมือกับเรื่องราวความรุนแรงของครอบครัวเธอ ถึงแม้ว่าพักหลัง ภาพยนตร์สยองขวัญจะเป็นภาพยนตร์ที่นักแสดงหญิงเชื้อสายเม็กซิกันผู้นี้ ซึ่งเคยผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนฝีมือที่ Tisch School of the Arts ในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เลือกเป็นงานแสดง แต่บาร์เรร่ามีจุดเริ่มต้นในแวดวงละครมาก่อนที่จะย้ายมาทำงานกับฮอลลีวู้ด และได้รับบทนำในซีรีส์ของ Starz เรื่อง Vida และภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากละครเพลงของ ลิน-มานูเอล มิแรนด้า เรื่อง In the Heights



การแสดงบทบาทนี้ บาร์เรร่าต้องการเน้นไปที่ความเฉลียวฉลาดและสัญชาตญาณของโจอี้ ความสามารถในการอ่านนิสัยคนของเธอ สัญชาตญาณความเป็นแม่ของโจอี้กลายเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะในระหว่างที่เธอพูดคุยกับ อบิเกล ในช่วงแรกๆ เธอช่วบปลอบโยนเด็กหญิงที่ดูเหมือนกำลังหวาดกลัว โจอี้รับปาก อบิเกล ว่าจะปกป้องเธอจากอันตราย ความจริงใจและความใจดีของโจอี้ ทำให้เธอได้ประโยชน์เมื่อ อบิเกล เริ่มออกล่าโจรที่ลักพาตัวเธอมา

แต่นั่นไม่ใช่การบ่งบอกว่าชีวิตของโจอี้จะไม่เสี่ยงอันตราย ระหว่างช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่เธออยู่ที่วิลเฮล์ม แมนเนอร์ ตัวละครตัวนี้ได้เห็นการสังหารหมู่สุดโหด เมื่อ อบิเกล เล่นกับเหยื่อของเธออย่างสนุกสนาน สำหรับบาร์เรร่า นั่นหมายถึงการใช้เวลาไปกับการนองเลือดและอวัยวะภายในทะลักทลาย “นี่คืองานที่ตัวฉันเลอะเทอะไปด้วยเลือดมากที่สุด ฉันเคยตัวเปื้อนเลือดบ่อยมากนะคะ” บาร์เรร่ากล่าว “ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราทุ่มกันสุดตัวไปเลยค่ะ”



แฟรงก์

แดน สตีเว่นส์

ถ้าโจอี้คือตัวละครที่ใกล้เคียงกับเข็มทิศทางด้านศีลธรรมที่ดีของกลุ่มมากที่สุด แฟรงก์ ที่รับบทโดย แดน สตีเว่นส์ ก็คือผู้นำที่มีความประนีประนอมทางด้านศีลธรรมที่สุด “ผมมองว่าเขาเป็นคนหัวรั้น อาจเป็นพวกเหยียดผิว และเชี่ยวชาญในการคอรัปชั่นมากที่สุด ซึ่งทำให้เขาเหมาะกับจุดที่เราต้องการเขาในเรื่องของเราพอดีครับ” แดน สตีเว่นส์ ผู้กระตือรือร้นที่จะแสดงเป็นตัวละครนักสืบที่น่าละอายในภาพยนตร์เรื่องนี้ บอก “เขาพยายามหนีให้พ้นจากชีวิตในอดีต พยายามสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ เขาปิดบังอะไรไว้เยอะแยะมากมาย เขาคือชายที่ตัดสินใจผิดพลาดมามากในชีวิต และเขาก็เลือกที่จะตัดสินใจแย่ๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคุณอาจบอกว่าเป็นครั้งที่ยากที่สุดก็ว่าได้”

สำหรับสตีเว่นส์ บทนี้เป็นผลงานเรื่องล่าสุดในประวัติผลงานที่มีความหลากหลายของเขา ซึ่งรวมถึงผลงานดราม่าอย่าง Downton Abbey และภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ใช้คนแสดงของดิสนีย์ เรื่อง Beauty and the Beast และในมินิซีรีส์ยุคสมัยคดีวอเตอร์เกท เรื่อง Gaslit และในผลงานของ โนอาห์ ฮอว์ลี่ย์ เรื่อง Legion “เรารู้ดีว่าเขาจะต้องเล่นเกมสกปรกแน่นอน เขาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถครับ” ผู้อำนวยการสร้าง วิลเลี่ยม เชอรัก กล่าว “มีสุดยอดฝีมืออยู่จริง ไม่ใช่แค่สถานะการเป็นดาราหนังชื่อดังเท่านั้น”

สตีเว่นส์สนใจโปรเจ็กต์ Abigail หลังจากได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาพบว่าตัวเองไม่ทันได้ระวังตัวเมื่อเจอกับจุดหักมุมที่เป็นแกนของเรื่อง และรู้สึกสนุกไปกับช่วงเวลาแห่งความบ้าคลั่ง “ในทีแรก มีคนบอกผมว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับการปล้น และเขาก็ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นมากมายนัก” สตีเว่นส์บอก “มันกลายเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ แต่ก็เป็นงานที่สนุกมากเลยครับ ผมไม่คิดว่าผมเคยเห็นแวมไพร์ที่เป็นนักเต้นบัลเล่ต์มาก่อนนะ”

สตีเว่นส์รู้สึกทึ่งกับโอกาสที่ได้แสดงเป็นแฟรงก์ ที่ไร้ศีลธรรม ซึ่งในตอนจบของเรื่อง เข้าสู่โหมดที่ยอมรับความเป็นวายร้ายในตัวเขาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี ในตอนเริ่มแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ แฟรงก์เป็นหนังสือที่ถูกปิดไว้ เขาดูลึกลับ และเขาก็ไม่ไว้ใจสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมที่เขานำทีมด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำการลักพาตัวให้สำเร็จ “แฟรงก์มีปากเสียงกับทุกคน และดูเหมือนจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่ม” สตีเว่นส์บอก “ในฐานะที่เขาเป็นตำรวจเก่า เขามีลักษณะที่คลุมเครือไปในทิศทางนั้น เขามีความอาวุโส และสามารถทำให้ทุกคนมาร่วมมือกันได้ พวกเขามีความเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลาย มันสนุกมากที่ทุกคนดูมีความขัดแย้งกันไปหมด”

แฟรงก์พบว่าเขามีความขัดแย้งกับ โจอี้ ตัวละครของ เมลิสซ่า บาร์เรร่า มากที่สุด เขาเชื่อว่าเธอกำลังคิดแย่งชิงอำนาจของเขา และแฟรงก์ก็ตั้งใจที่จะทวงอำนาจของเขาคืนมา “ถึงแม้จะมีอดีตที่ดูลึกลับเหมือนกัน แต่ดูเหมือนโจอี้จะมีความจริงจังและความมุ่งมั่นในแบบที่แฟรงก์ไม่มีครับ” สตีเว่นส์กล่าว “เธอทำให้เขาโกรธ และพวกเขาก็เกิดความรู้สึกไม่ชอบหน้ากันตลอดเวลา เขาลังเลที่จะสละตำแหน่งผู้นำไปครับ”



อบิเกล

อลิชา เวียร์

การก้าวจากการรับบทเป็นหนึ่งในตัวละครของ โรอัลด์ ดัห์ล ที่ทุกคนรักมากที่สุดในผลงานเพลงทุนสร้างมหาศาล ไปสู่การรับบทเป็นแวมไพร์อายุหลายร้อยปี ในภาพยนตร์สยองขวัญนองเลือด คือทิศทางที่สร้างความปั่นป่วนให้กับนักแสดงแทบทุกคน แต่ อลิชา เวียร์ นักแสดงที่เกิดในดับลิน ผู้เคยสนุกเพลิดเพลินไปกับการแสดงบทแจ้งเกิดในบทเด็กหญิงนักอ่าน มาทิลด้า วอร์มวู้ด ในผลงานปี 2023 เรื่อง Matilda the Musical สามารถรับมือกับการก้าวข้ามนี้ได้อย่างมั่นใจ “ฉันไม่เคยแสดงเป็นตัวละครแบบตัวนี้มาก่อนเลยค่ะ แต่ฉันชอบหนังสยองขวัญอยู่แล้ว” เวียร์ที่ตอนนี้อายุ 14 ปีแล้ว กล่าว “ทุกคนต้องรู้สึกแย่แทนเธอ เพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่น่ารักที่โดนลักพาตัวมา จากนั้นเธอก็กลับกลายเป็นอะไรมากกว่านั้น”

สำหรับเรดิโอ ไซเลนซ์ และหุ้นส่วนอำนวยการสร้าง เวียร์คือของขวัญที่พระเจ้าส่งมา นับแต่เริ่มต้นโปรเจ็กต์นี้ ทีมผู้สร้างต่างเป็นห่วงว่าพวกเขาจะหานักแสดงเด็กที่สามารถแสดงได้อย่างใสซื่อและน่าเห็นใจในช่วงฉากแรกๆ และดูน่ากลัว ออกจะซาดิสต์ในฐานะแวมไพร์ได้หรือไม่ การค้นหาที่แสนเหน็ดเหนื่อยเริ่มขึ้นกับแคสติ้ง ไดเร็คเตอร์ ริช ดีเลีย ที่นำพวกเขาไปเจอ เวียร์ และหลังจากที่ทางทีมผู้สร้างเห็นการออดิชั่นบทของเธอ ที่แสดงกับบาร์เรร่า ผ่านทางแอ๊พซูม พวกเขารู้ว่าพวกเขาพบตัวเด็กของพวกเขาแล้ว “เธอน่าทึ่งมากเลยครับ” ผู้อำนวยการสร้าง วิลเลี่ยม เชอรัก บอก “เธอมีความสามารถ มีความเป็นมืออาชีพ และตื่นเต้น แต่ก็ยังคงเป็นเด็ก เธอแค่ปล่อยของออกมาครับ”

เพื่อเตรียมตัวมาแสดงทั้งสองด้านของบทนี้ เวียร์ใช้วิธีแสดงเป็นตัวละครให้เหมือนแยกเป็นคนสองคนไปเลย คนที่เป็นเด็กน่ากลัว เธอตั้งชื่อให้ว่า แอ๊บบี้ มันเป็นชื่อเล่นที่ อบิเกล ใช้สำหรับนักล่าจ่าฝูง สำหรับฉากของ อบิเกล เวียร์ปรับเสียงของเธอให้ฟังดู “ไม่เหมือนเด็กไร้เสียงสาตัวเล็กๆ แต่จะเหมือนผู้ใหญ่ที่เชื่อมั่นค่ะ” นอกจากนี้ เธอยังใช้ประสบการณ์ที่เคยเรียนเต้นมาก่อน เพื่อใช้เรียนการเต้นบัลเล่ต์ที่มีความยาก เป็นท่าที่เคยใช้แสดงในธีมเพลงของ ไชคอฟสกี้ “Swan Theme” จากเรื่อง Swan Lake (ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบแวมไพร์ คงจะจดจำดนตรีของเพลงนี้ได้ มันเคยถูกใช้ในฉากเปิดเรื่องผลงานของบราวนิ่ง เรื่อง Dracula)

แดน สตีเว่นส์ ผู้ร่วมแสดงกับเวียร์ รู้สึกประทับใจกับความทุ่มเทของเวียร์อย่างมาก “เธอเป็นเด็กหญิงที่น่ารักที่สุด เป็นคนฉลาดมากครับ” สตีเว่นส์บอก “เราทุกคนต่างยอมหมอบราบให้กับเธอ เธอคือเครื่องยนต์น้อยๆ ที่ยืนอยู่ตรงกลางของภาพยนตร์เรื่องนี้ และพวกเราที่เหลือก็เหมือนเป็นคนโง่ที่ยืนอยู่รอบๆ ตัวเธอครับ”

เวียร์บอกว่าช่วงเวลาที่เธอได้แสดงเป็นแวมไพร์คือช่วงเวลาที่เธอชอบมากที่สุด “สิ่งที่ทำให้ฉันตื่นเต้นก็คือการได้ใส่ฟันปลอมและมีเลือดเลอะเทอะไปหมดค่ะ” เวียร์กล่าว “การได้เปลี่ยนตัวเองให้เป็นแวมไพร์ คือการเปลี่ยนชุดความคิดที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง คุณไม่ใช่แค่เปลี่ยนไปเป็นคนอีกคนที่แตกต่างเท่านั้น แต่คุณยังเปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งไปเลย เมื่อฉันแสดงฉากเหล่านั้นที่ฉันได้ฆ่าทุกคน และฉันสนุกกับมันมาก ฉันอินไปกับบท ฉันไม่ใช่คนอื่น ฉันเป็นแค่อบิเกล ฉันเป็นแค่แวมไพร์อย่างเดียวเท่านั้น”

แซมมี่

แคธริน นิวตัน

ที่ได้รับการเรียกตัวให้เข้ามาร่วมทีมเพราะฝีมือทางด้านเทคโนโลยีของเธอ ก็คือแฮ็คเกอร์ที่ชื่อ แซมมี่ ที่รับบทโดย แคธริน นิวตัน เธอสามารถเจาะผ่านระบบคอมพิวเตอร์ป้องกันที่ซับซ้อนที่ปกป้องบ้านของ อบิเกล ได้โดยง่าย แต่ก็ไม่เหมือนโจรลักพาตัวคนอื่นๆ แซมมี่ เข้าร่วมภารกิจนี้ ไม่ใช่เพื่อเงินค่าไถ่ แต่เพราะเธอต้องการหาความตื่นเต้นราคาถูก

“แซมมี่ค่อนข้างจะมีความลึกลับนิดหน่อย” นักแสดงหญิง แคธริน นิวตัน ผู้มารับบทในภาพยนตร์เรื่อง Abigail หลังจากที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของบลัมเฮ้าส์อย่างเรื่อง Freaky ซึ่งเธอรับบทเป็นฆาตกรต่อเนื่องชายวัยกลางคนที่อยู่ในร่างของเด็กวัยรุ่นหญิง, ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน เรื่อง Ant-Man and the Wasp: Quantumania และภาพยนตร์ตลกสยองขวัญเรื่อง Lisa Frankenstein “แซมมี่ชอบเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับค่ะ” นิวตันกล่าว “เธอมีระดับที่แตกต่างกันหลายระดับมากสำหรับเธอ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เธอแค่อยากเฝ้าสังเกตและฟัง เธอไม่อยากมีส่วนร่วมจริงๆ” ความดูดีของแซมมี่เป็นส่วนหนึ่งของความงามที่เพาะบ่มมาอย่างพิถีพิถัน เธอมาจากครอบครัวร่ำรวย แต่เธอก็พยายามที่จะแสดงภาพความเท่แบบคนเมืองออกมาตลอดเวลา “เธอเป็นเด็กสาวที่ร่ำรวยที่อยากดูงามสง่าและพยายามที่จะทำตัวทรหด นั่นคือตัวตนของเธอค่ะ” นิวตันบอก

สำหรับนิวตัน การสร้างภาพลักษณ์ที่เหมาะสมสำหรับแซมมี่ คือวิธีแรกเริ่มที่เธอก้าวเข้าสู่การแสดงเป็นตัวละครตัวนี้ ซึ่งมีทรงผมในแบบที่นิวตันบอกว่า “พยายามจะให้ดูเป็นพั๊งก์ แต่ก็ยังดูเป็นแฟชั่นฮาราจูกุที่ดูน่ารักอยู่ดี ได้แรงบันดาลใจจาก เกวน สเตฟานี่ นิดหน่อย มีความเป็นมาดอนน่าในยุค ‘80s ค่อนข้างมาก” เธอยังมีรอยสักตามร่างกายอีกด้วย “เธอเบื่อเอามากๆ” นิวตันบอก “ฉันรักตัวละครตัวนี้นะคะ เธอคือคนที่ฉันอยากเป็น และฉันไม่ได้เป็น แต่ก็โอเคค่ะ”

Abigail ทำให้ นิวตัน ต้องก้าวไปข้างหน้าอีกหลายก้าว ทำให้เธอต้องว่ายน้ำในสระที่เต็มไปด้วยเลือดปลอม และชิ้นส่วนอวัยวะปลอมที่ทำจากซิลิโคนแต่เหมือนของจริง อย่างไรก็ดี เธอบอกว่าเธอตื่นเต้นที่ได้เพิ่มภาพยนตร์แวมไพร์เข้าไปในประวัติการทำงานที่ยังคงเพิ่มขึ้นของเธอ “ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของตำนานนี้ค่ะ” นิวตันกล่าว “การได้เพิ่มเรื่องราวนี้เข้าไปในเอนไซโคลปิเดียภาพยนตร์สยองขวัญของฉัน มันถึงเวลาแล้วค่ะ”

ริคเกิลส์

วิลล์ แค็ตเล็ตต์

“ริคเกิลส์คือคนที่คุณต้องการรับมาอยู่ในทีมของคุณครับ” วิลล์ แค็ตเล็ตต์บอก เขารับบทเป็นมือแม่นปืนที่เต็มไปด้วยทักษะฝีมือของภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นทหารอาชีพที่ใช้ชีวิตด้วยหลักการความถูกต้องของเขาเอง “ริคเกิลส์มีความภักดีสูงมาก แต่เขาก็คือคนที่คุณไม่อยากไปขวางทาง” เขายังเป็นคนที่มีสัญชาตญาณที่ได้รับการขัดเกลาอย่างดี มันเป็นตัวที่บอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติที่วิลเฮล์มแมนเนอร์แห่งนี้ และเขาก็แนะนำโจรลักพาตัวคนอื่นๆ ว่าการกระทำที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขาอาจเป็นการทิ้งภารกิจนี้ไปด้วยกัน “เขาใช้แบ็คกราวน์ทางการทหารด้วยการพูดว่า ‘ถึงเวลาต้องไปแล้ว ถึงเวลาต้องออกไปแล้ว’” แค็ตเล็ตต์บอก

แค็ตเล็ตต์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากมินิซีรีส์ของเอชบีโอที่คว้ารางวัลเอ็มมี่ เรื่อง Lovecraft Country และภาพยนตร์ดราม่าที่คว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ เรื่อง A Thousand and One เขาได้ผ่านการฝึกฝนพิเศษเพื่อให้สามารถจัดการกับอาวุธที่ ริคเกิลส์ ต้องใช้บนจอภาพยนตร์ได้อย่างสมจริงที่สุด เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อของเขา ซึ่งเป็นทหารผ่านศึก “คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะทหาร สามารถบอกได้ว่าคุณรู้วิธีจับปืนหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผมที่จะต้องทำมันออกมาให้ดูดีครับ” แค็ตเล็ตต์บอก

การทำงานในบ้านไอริชที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ที่ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำ ทำให้แค็ตเล็ตต์ได้แรงบันดาลใจในแบบที่เขาต้องการสำหรับตัวละครตัวนี้ “วิธีที่พวกเขาตกแต่งห้อง คุณสามารถใช้สภาพแวดล้อมเข้ามาช่วยคุณได้ มันดูน่าขนลุกมากครับ "

ปีเตอร์

เควิน ดูแรนด์

ปีเตอร์ ผู้มีร่างกายแข็งแกร่ง ทำหน้าที่เป็นเหมือนกำลังให้กับงานนี้ แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการเป็นคนป่าเถื่อน สำหรับ เควิน ดูแรนด์ นักแสดงชาวแคนาเดี้ยนที่สูงถึง 6 ฟุต 6 นิ้ว ผู้รับบทเป็นตัวละครตัวนี้ ปีเตอร์คือชายที่ต้องสู้รบกับความสำนึกผิด แต่เขาต้องทำสิ่งที่จะทำให้เขารอดไปได้ “ปีเตอร์แค่อยากเดินเข้าไปและทำงานให้เสร็จ เขาไม่จำเป็น หรือไม่อยากรับรู้อะไรเป็นพิเศษ” ดูแรนด์กล่าว “นั่นคือวิธีเดียวที่เขาสามารถปรับวิธีการหากินของเขาได้อย่างเหมาะสม เขาต้องกลายเป็นคนชั่วร้ายเพื่อหาอาหารมาเลี้ยงครอบครัวของเขา”

ดูแรนด์เกิดความผูกพันกับปีเตอร์ที่เป็นขาเมา ทันทีที่เขาได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเขาได้พาตัวเองตรงไปยังมัลติเพล็กซ์แห่งนี้ “ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์และกำลังอ่านบทอยู่” ดูแรนด์บอก “ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังกินป็อปคอร์นชามโต ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ ผมพอใจมากตอนได้ยินว่าพวกเขาอยากให้ผมไปเล่นกับพวกเขาครับ”

Abigail ทำให้ ดูแรนด์ ได้กลับมาร่วมงานกับ แดน สตีเว่นส์ ผู้ซึ่งเขาเคยร่วมงานด้วยในภาพยนตร์เรื่อง Legion และเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่กระหายเลือด หลังจากที่เขาเคยรับบทเป็น วาซิลลี่ เฟ็ต นักทำลายล้างที่กลายมาเป็นนักล่าแวมไพร์ในซีรีส์ของ กีเยร์โม่ เดล โทโร่ เรื่อง The Strain ซึ่งออกอากาศทางเอฟเอ็กซ์ ดูแรนด์ซึ่งเป็นนักแสดงที่รักในการใช้ร่างกายในการแสดง พอใจอย่างมากที่ได้พาตัวเองโยนเข้าไปในการต่อสู้ในฉากที่ดับลินของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งปีเตอร์ต้องหนีจาก อบิเกล ที่ดูเหมือนจะไม่มีใครหยุดเอาไว้ได้ “พลังของเธอนั้นมหาศาล เธอเล่นกับเราเหมือนเธอคือเสือ และพวกเราคือกระต่ายตัวน้อยครับ” ดูแรนด์กล่าว “เธอชอบเล่นเกม มันเป็นแค่เรื่องสนุกสำหรับเธอ นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวมากครับ”

ดีน

แองกัส คลาวด์

สมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มอาชญากร ก็คือดีน ซึ่งเป็นคนขับรถที่มีความสามารถสูง เป็นคนที่ดูหนักแน่น หัวใจของเขาแทบไม่เต้นรัวเลยในยามที่เขาต้องหลบหนีจากรถหลายคันที่ตามไล่ล่า บทสมทบที่ถือเป็นบทสำคัญนี้ตกเป็นของ แองกัส คราวด์ นักแสดงจากเรื่อง Euphoria ผู้จากไปเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2023 ด้วยวัยเพียง 25 ปี Abigail คือหนึ่งในการปรากฎตัวบนจอเป็นเรื่องท้ายๆ ของเขา

“แองกัสคือจิตวิญญาณที่พิเศษมากๆ เลยครับ” ผู้อำนวยการสร้าง วิลเลี่ยม เชอรัก กล่าว “เขาน่าทึ่งมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ถ้าลองก้าวถอยห่างออกมา ความคล่องตัวที่เขานำมาสู่ฉาก อารมณ์ขันด้วย เขาคือผู้ชายที่คุณอยากอยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดพลังที่ดี ผมรู้สึกขอบคุณอย่างมากที่เราได้พบกับจังหวะเวลานี้ในชีวิตของพวกเรา ซึ่งทำให้พวกเราได้ใช้เวลาอยู่กับเขาครับ”

เมื่อตอนให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับตัวละครของเขาในระหว่างการถ่ายทำ คลาวด์ได้พูดถึงดีนว่าเป็น ชายที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งแรงจูงใจของเขาอาจดูไม่มีอะไรเลยถ้าไม่ใช่เรื่องตรงไปตรงมา “ดีนอยู่ในกลุ่มนี้เพื่อเงินเท่านั้น และเขาก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน” คลาวด์เคยบอกเอาไว้ “เขาเป็นคนบ้ามาก แต่เขาเก่งเรื่องขับรถหนีการไล่ล่าครับ”

เขายังเป็นคนประเภทที่ไม่แคร์ว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในทีมทำงานนี้จะคิดกับเขายังไง เมื่อ โจอี้ ซึ่งรับบทโดย เมลิสซ่า บาร์เรร่า บอกว่าดีนคือไอ้โรคจิตต่อหน้าเพื่อนที่ร่วมสมคบคิดกันในทีม ตีนผีที่ทำตัวคูลอยู่ตลอดเวลา ดูจะยอมรับคำกล่าวหาของเธอจนแทบจะคิดว่ามันคือคำชม “ผมคิดว่าดีนไม่แคร์จริงๆ ครับ” คลาวด์บอก “เขาพูดว่า ‘ตามใจ จะเรียกยังไงก็ตามใจ’”

คลาวด์ได้ใส่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ในตัว ดีน และในการถ่ายทำด้วย “แองกัสคือหนึ่งในคนที่ให้ความบันเทิงมากที่สุดเมื่อคุณได้นั่งลงคุยกับเขา” เควิน ดูแรนด์ เพื่อนร่วมแสดงกับคลาวด์ กล่าว “เราทุกคนต่างตกหลุมรักเขา เขาเป็นคนจิตใจดีมาก และทุกอย่างนั้นก็ถูกแสดงออกมาในตัวละครของเขาครับ”

แลมเบิร์ต

จิอันคาร์โล เอสโพซิโต้

ที่ดูคล้ายกับสมุหบัญชีมากกว่าจะเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังแผนอาชญากรรม ก็คือแลมเบิร์ต ที่รับบทโดย จิอันคาร์โล เอสโพซิโต้ ผู้คอยต้อนรับทีมลักพาตัวหลังจากที่พวกเขามาถึงวิลเฮล์ม แมนเนอร์พร้อมกับ อบิเกล เมื่อเด็กหญิงถูกนำไปพักอยู่ในห้องนอนชั้นบนแล้ว แลมเบิร์ตได้เตือนเหล่าโจรลักพาตัวว่า เงินค่าไถ่ควรถูกส่งมาภายในเวลา 24 ชั่วโมง และหลังจากเก็บโทรศัพท์มือถือของพวกเขาแล้ว ตำแหน่งของคนเหล่านี้ก็จะไม่มีใครติดตามได้ จากนั้นเขาก็จากไป “เขาเป็นคนคอยจัดการทุกอย่างครับ” จิอันคาร์โล เอสโพซิโต้ ผู้รับบทเป็นโบรกเกอร์ผู้ทรงอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง กล่าว “เขาเป็นนักธุรกิจที่ทำทุกอย่างด้วยความคลุมเครือ แต่เขาก็ทำให้หลายอย่างสำเร็จลงได้”

การรับบทเป็นชายที่ปกปิดความลับดำมืดเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนักแสดงชายมากความสามารถ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่มาแล้วห้าครั้ง โดยเขามีชื่อเสียงโด่งดังจากการรับบทเป็นเจ้าพ่อค้ายาเสพติด กัส ฟริง ในซีรีส์ที่ได้รับคำชมเรื่อง Breaking Bad และ Better Call Saul นักแสดงมากประสบการณ์ผู้นี้กล่าวว่าเขารู้สึกทึ่งทั้งในตัวละคร แลมเบิร์ต และบทภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เขาพบว่ามันผสมผสานภาพยนตร์หลายแนวเข้าด้วยกันได้อย่างน่าประหลาดใจ

“คุณเริ่มต้นด้วยการคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแบบหนึ่ง คุณก็เตรียมตัวรอรับภาพยนตร์แบบนั้น” เอสโพซิโต้กล่าว “และเมื่อถึงเวลาที่คุณพร้อมไปเจอสิ่งหนึ่ง มันกลับพาคุณไปเจออย่างอื่น ผมคิดว่ามันเป็นการผสมผสานที่สุดยอดมากครับ”