วันที่ 26 ก.พ. 60 อุ๋ย-นที หรือ อุ๋ย บุดด้าเบลส เผยถึงเรื่องนี้ว่า “ฟีดแบ็กที่ผมออกมาแสดงความคิดเห็นก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จริงๆผมแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้มานานแล้วถ้าคนที่ตามเฟสบุ๊คผมอันนั้นผมก็แสดงความคิดเห็นทั้งการเมือง ศาสนาและทุกเรื่องมานานแล้วแต่บังเอิญอันนี้อยู่ดีๆคนไปแชร์กันเยอะเพราะเรื่องวัดธรรมกายกำลังเป็นข่าวอยู่พอดี ซึ่งที่ผมได้ไปออกรายการต่างคนต่างคิดมาผมก็ได้บอกไปหมดแล้วว่าผมแชร์เรื่องนี้มานานแล้วและหลังจากผมไปดีเบตกับคุณอัยย์มาแล้วผมก็ยังรู้สึกว่าพระธัมมชโยในความคิดผมยังบิดเบือนศาสนาอยู่เพราะดูจากที่เขาเทศนาสั่งสอนมาผมคิดแบบนั้น แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยว่าอย่าพยายามบิดเบือนเจตนาของผมเพราะผมได้บอกไปในพื้นที่ของผมในเฟสบุ๊คแล้วและขอย้ำอีกทีว่าใครจะนับถือศาสนาใดเชื่ออะไรเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ไม่ได้ก้าวล่วงการเชื่อของแต่ละคนแล้วผมก็มองว่าคนที่เป็นธรรมกายที่ไปนั่งอยู่ในวัดหลายคนเป็นคนที่นับถือศาสนาพุทและรักศาสนาพุทธเหมือนกัน แค่คุณอัยย์ผมแค่เสียดายว่าเขาเป็นคนที่มีศรัทธาสูงมากแต่ว่าไปศรัทธากับพระที่สำหรับผมศีลเหมือนไม่ใช่พระแล้ว ถ้าคนที่มีศรัทธาแบบนี้ไปศรัทธากับพระธรรมคำสอนที่ถูกต้องจะเป็นอุบาสกที่ดีมากของศาสนาพุทธ คือเจตนาทุกคนดีทั้งนั้นทุกคนก็อยากเป็นพุทธที่ดีทุกคนไม่มีใครเข้าวัดแล้วอยากเป็นคนบาปหรอก ทุกคนอยากเป็นคนดี แต่คนที่เป็นต้นทางนำผมรู้สึกว่าเขาสอนบิดเบือน คือผมไม่อยากพูดนะว่ามีคนเห็นด้วยกับผมมากหรือน้อยกว่า อย่าวัดกันตรงนี้ว่าใครชนะใครแพ้เพราะสำหรับผมกับคุณอัยย์ที่มาคุยกันมันเหมือนเป็นการเปิดประเด็นเพราะผมเห็นเลยว่าจากคนที่ไม่สนใจศาสนาพุทธจริงจัง หรือบางคนที่เปิดทีวีดูผ่านๆแล้วเริ่มสนใจว่าทำไมมันถึงมีประเด็นลากกันมาถึงทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่าเป็นการเปิดประเด็นให้คนสนใจศาสนาพุทธที่คนส่วนใหญ่ในบัตรประชาชนภายในประเทศนับถือ ส่วนใครผิดถูกหรือเห็นด้วยมากน้อยกับฝั่งไหนก็เป็นวิจารณญาณของแต่ละคนที่จะมาคิดต่อกันเอาเอง แต่อย่ามายัดเยียดว่าคนคิดต่างกับคุณเป็นคนโง่ไม่มีครับ ผมย้ำอยู่เสมอว่าศรัทธาของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันเลย บางคนเลี้ยงลูกเทพ บางคนเลี้ยงกุมารมันเป็นความเชื่อของเขาไม่ได้มีใครโง่หรือฉลาด ที่สำคัญที่ผมออกมาพูดเรื่องนี้ผมไม่ได้มีอคติต่อวัดหรืออะไรเพราะวัดก็ตั้งอยู่ตรงนั้น เรามาดูคำสอนกันดีกว่าว่าเขาสอนพาสังคมไปทางไหน ผมพูดไปในรายการหมดแล้วว่าทำไมต้องธรรมกายที่อื่นสอนผิดทำไมไม่ว่าเพราะผมรู้สึกว่ามีพลังจริงๆสำหรับที่นี่ในการสื่อสารกับคนหมู่มาก และต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เป็นข่าวใหญ่โตจริงๆ ซึ่งสิ่งที่ผมทำลงไปผมก็ไม่รู้สึกว่าผิดพลาดหรือไม่น่าทำมันเกิดขึ้นแล้วและอะไรที่เกิดขึ้นสำหรับผม ผมว่ามัยมีเหตุผลของมันและผมก็ตัดสินใจดีแล้วและสิ่งที่ผมทำก็เป็นการใช้เหตุผลมาคุยกันที่เหลือจะเป็นยังไงสังคมจะเป็นคนตัดสินเอง"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตอนนี้สถานการณ์เกี่ยวกับกรณีวัดธรรมกายค่อนข้างรุนแรงขึ้นรื่อยๆ กังวลเรื่องความปลอดภัยไหม "เรื่องความปลอดภัยผมไม่ได้บอกว่าไม่กลัว ทุกคนกลัวตายทั้งนั้น แต่ผมรู้สึกว่าผมออกมาพูดด้วยเหตุด้วยผลและถ้าเป็นคนดีๆ เป็นสาวกธรรมกายจริงๆเป็นคนเข้าวัดผมมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเพราะว่าผมไม่ได้ไปโกหก หลอกลวง ใช้ข้อมูลบิดเบือนเพื่อออกมาโจมตีคนที่เขานับถือ แต่ผมออกมาพูดด้วยเหตุผลออกทีวีคุยกันดังนั้นคนที่เป็นสาวกธรรมกายจริงๆ คนธรรมะธรรมโมเขาไม่ทำนิสัยแบบนั้นแน่นอนผมมั่นใจ แต่ถ้าจะมีคนทำก็คงเป็นคนที่มาหาประโยชน์จากทางอื่น เช่น การเมืองเห็นต่างปันแล้วมาโยง จะมาใช้ความรุนแรงข่มขําอันนี้ผมว่าน่าจะเป็นประเด็นนั้นมากกว่า แต่เรื่องคนเข้าวัดผมไม่เชื่อว่าคนเข้าวัดธรรมกายจะใช้ความรุนแรงกับผม ถามว่าเรื่องนี้กระทบหน้าที่การงานผมไหมบอกเลยว่าทุกเรื่องตั้งแต่การเมืองแล้วก็มีดาราออกมาเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม ทุกวันนี้ผมก็ยังทำมาหากินกันอยู่แน่นอนมันต้องมีผล กระทบอยู่แล้วเพราะคนจ้างงานบางคนเขาคิดไม่เหมือนเรา เขาอาจจะหมั่นไส้และแยกไม่ได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว บางคนเห็นด้วยเขาก็จ้างอยู่แล้ว บางคนไม่สนใจก็มีอันนี้ผมเป็นคนโดนรับจ้าง ผมไม่ใช่คนจ้างผมไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง ซึ่งอย่างที่บอกโลกนี้มันเป็นโลกธรรม 8 มีนินทาคู่กับสรรเสริญ ถ้าโดนคนชมก็ต้องโดนด่าเป็นธรรมดา ขนาดพระพุทธเจ้ายังโดนคนนินทาเลย ผมเป็นแค่คนๆหนึ่งจะโดนคนด่าคนเกลียด มันก็เป็นปกติ"
