รมช.คมนาคมลั่นทุกโครงการต่อจากนี้ ขสมก.ต้องรอบคอบ ควรศึกษาทดลองก่อนเกิดความเสียหาย
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) กล่าวว่า ได้สั่งบริษัทเอกชนยุติการติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือ "แคช บ็อกซ์"บนรถโดยสารแล้ว หลังจากที่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งตามสัญญาต้องติดตั้ง 2,600 คัน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งลอตแรก 800 คัน ดังนั้นจะให้เดินหน้าทำให้เสร็จตามสัญญาไปก่อน หากไม่เสร็จในส่วนนี้จะปรับ ส่วนที่เหลืออีก 1,800 คัน จะเร่งเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญา ส่วนบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์บนรถ(อี-ทิกเก็ต) 2,600 คัน จะไม่มีการแก้ไข โดยขณะนี้บริษัทเอกชนได้ติดตั้งครบ 800 คันแล้ว อยู่ระหว่างทดสอบการใช้งาน ส่วนที่เหลือจะต้องติดตั้งให้ครบภายในเดือน มิ.ย.2561
นายณัฐชาติ กล่าวต่อว่า เข้ามารับหน้าที่ประธานบอร์ด ขสมก.เมื่อทำสัญญาไปนี้แล้ว ถ้ามาก่อนจะไม่ให้ทำแน่นอน เพราะทราบว่ามีการทดลองจริงบนรถ 1-2 คันและเป็นรถที่จอด แล้วก็คิดว่าใช้ได้ ซึ่งน้อยไป ควรทดลอง 40-50 คัน และกำหนดพื้นที่ทดลองเวลา 3-6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้จริงไม่มีปัญหาในแต่ละพื้นที่ แต่ละช่วงเวลา แล้วค่อยประมูล ตอนนี้สั่งให้ทำแค่ 800 คัน เพราะทางเอกชนสั่งของมาแล้ว ส่วนที่เหลือยุติ ส่วนเงินจะจ่ายตามจริง เพราะเป็นสัญญาเช่า
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่าได้ให้นโยบายไปว่า ก่อนที่จะเปิดประมูลจัดซื้อใดๆ ควรทำพื้นที่ในการทดลองพิเศษก่อน โดยเชิญผู้สนใจเข้ามาทำโครงการในพื้นที่ทดลองก่อน เพื่อประเมินข้อมูล ซึ่งจะเห็นปัญหาก่อนจากนั้นแก้ไขแล้วค่อยเปิดประมูลจัดซื้อ ขสมก. มักจัดซื้อจัดจ้าง โดยลืมคำนึงว่า โครงการมักมีข้อจำกัดแบบไทย ๆ ทั้งที่นโยบายดี แต่ไม่ถูกกับบริบทพื้นที่ ดังนั้น อยากให้มีการทดลองก่อนใช้จริง เหมือนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทดลองการใช้จ่ายเงินผ่านคิวอาร์โค้ดในพื้นที่ทดลองของแต่ละธนาคาร เพื่อศึกษาผลดีผลเสีย ก่อนเกิดความเสียหายจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน