10 ขั้นตอนสู่การบอกลา(ฉัน)คนเก่า

2017-12-09 09:30:35

10 ขั้นตอนสู่การบอกลา(ฉัน)คนเก่า

Advertisement

เมื่อเดือนท้ายสุดของปีมาถึง

นอกจากจะเป็นเทศกาลแห่งการส่งความสุขแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ Secret จึงขอเชิญชวนคุณผู้อ่านให้มาร่วมยิ้มรับกับช่วงเวลาดีๆ ของขวบปีใหม่ที่ใกล้เข้ามา ถอนตัวถอนใจจากอดีตที่ไม่เข้าท่ากัน ด้วย 10 ขั้นตอนสู่การบอกลาฉันคนเก่า ที่ทำให้ตัวฉันในวันก่อนกลายเป็นอดีตโดยสมบูรณ์ 


ภาพ Matthew Williams-Ellis / Shutterstock.com

1. เขียนข้อดีข้อเสียลงในกระดาษ
การบอกโบกมือรับอนาคตคงไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากขาดซึ่งการทบทวนตัวเอง ทั้งในเรื่องดีและแง่ร้าย ดังนั้นในขั้นตอนแรกนี้ขอให้คุณตั้งสติ และคิดทบทวนอย่างละเอียดว่าในปีหรือหลายๆ ปีที่ผ่านมาคุณได้ทำดีหรือไม่ดีเอาไว้อย่างไร กับใครเอาไว้บ้าง เขียนลงในกระดาษ (หรือถ้าใครจะพิมพ์ลงใน Tablet ก็ได้ไม่ว่ากัน) ที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ “ดี” และ “ไม่ดี” โดยยึดเอาความคิดแรกเป็นหลัก และขอให้คุณซื่อสัตย์กับตัวเอง แม้ว่าเรื่องที่เขียนลงไปนั้นจะเลวร้ายเพียงใดก็ตาม เพื่อที่เราจะได้รับรู้ว่ามีสิ่งใดควรรักษาไว้ ในขณะที่มีกรรมร้ายใดบ้างที่ควรเปลี่ยนแปลง

2. ตั้งเป้า ลด-ละ-เลิก ข้อไม่ดีใน 1 เดือน
เมื่อได้ข้อไม่ดีและความเชื่อที่ไร้สาระมาแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปคือ การตั้งเป้าในขั้นต้นว่า คุณจะต้องลด ละ นิสัยที่ไม่ดีหรือความศรัทธาอันไม่สมควรข้อใด พยายามงดการกระทำสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งการพาตัวเองเข้าไปสู่สภาวะเสี่ยงที่มิอาจเลี่ยงประพฤติผิดในสิ่งเดิมๆ ให้ได้ตลอดหนึ่งเดือน ซึ่งหากทำได้ครบตามกำหนดแล้ว บางทีอาจนำไปสู่การเลิกนิสัยไม่เข้าท่านั้นแบบถาวรเลยก็ได้

3. ทบทวนความเชื่อมั่นศรัทธาของตัวเอง
หลังจากที่รับรู้ถึงสิ่งดีและไม่ดีที่เพิ่งผ่านไปในชีวิตกันเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็คือการตั้งคำถามให้กับตัวเองว่าเพราะเหตุใดเราจึงมีความเชื่อเช่นนั้น หรือให้ความศรัทธากับสิ่งนี้ ซึ่งได้ยังผลออกมาเป็นการกระทำต่างๆ ของตัวเองทั้งที่ตั้งใจหรือโดยไม่รู้ตัวก็ตามที การตั้งคำถามเช่นนี้ แม้อาจจะไม่ได้นำไปสู่ต้นเหตุหรือปัจจัยที่นำมาสู่ความเชื่อเหล่านั้นทั้งหมด ทว่าก็ทำให้เราได้รู้ว่าความเชื่อใดที่เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล และความศรัทธานั้นเกิดขึ้นจากอคติส่วนตัวของเราเท่านั้นหรือไม่ การตระหนักสู่ถึงความแตกต่างระหว่างความเชื่อทั้ง 2 ฝั่งนี้จะช่วยลดความเชื่อเก่าๆ และสามารถเตรียมความพร้อมในการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ของตัวเองมากขึ้น




ภาพ Eleni Alina / Shutterstock.com

4. เคลียร์ของเก่าทิ้งเสียบ้าง
ถัดจากการตั้งต้นจากตัวเอง ก็ถึงขั้นที่ต่อยอดออกไปสู่สิ่งรอบๆ ตัวกันบ้าง โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุด นั่นคือ ในห้องนอน ลองมองไปรอบๆ ห้องดูสิว่า มีสิ่งใดที่ถูกวางทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการเหลียวแลจนฝุ่นจับหนาเตอะบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่การที่สิ่งนี้ตั้งอยู่อย่างนั้น ก็หมายความว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นกับชีวิตคุณเลย...อย่างน้อยก็ตั้งแต่คุณนำกลับมาถึงบ้าน และบัดนี้ก็คงถึงเวลาที่จะได้อัปเปหิสิ่งหนึ่งสิ่งนั้นออกไปจากชีวิต ซึ่งแนะนำว่าหากเสียดายไม่อยากทิ้งขว้างก็ลองหาทางส่งต่อไปให้กับคนที่น่าจะได้ใช้ประโยชน์มากกว่า หรือจะบริจาคให้กับผู้ยากไร้ก็ได้บุญไม่เลว

5. รู้จักรักตัวเอง



เฉกเช่นเดียวกับที่ Whitney Houston ได้ร้องเอาไว้ในเพลง Greatest Love of All ว่า “ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการรักตัวเอง” ซึ่งการรักตัวเองในที่นี้ มิได้สื่อความหมายว่าให้คุณเห็นแก่ตัว ทว่าการมอบความรักให้คนอื่นนั้น คงไม่อาจเกิดขึ้นเลย ถ้าคุณไม่รู้จักรักตัวเอง และนอกเหนือจากนั้น การรักตัวเองยังทำให้คุณเปิดใจรับกับความผิดพลาดที่เคยทำได้อย่างเต็มที่ และเมื่อผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ รับรองเลยว่าคุณจะรักตัวเองเพิ่มมากขึ้น และเรียนรู้ที่จะอยู่กับความข้อดีและข้อเสียของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

6. ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

หนึ่งในคำสอนอันประเสริฐขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือ การให้โดยที่ไม่วาดหวังถึงสิ่งตอบแทน ซึ่งการ “ให้” ในที่นี้ก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงใดๆ เพียงแค่เอาใจของเราลงไปสู่ใจของคนอื่น โดยเริ่มจากการสอบถามสารทุกข์สุขดิบของคนรอบข้าง ซึ่งนอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแล้ว ยังสร้างความสุขใจให้กับผู้ที่ได้ยินได้ฟังเป็นอย่างมากแล้ว หรือถ้าคุณผ่านขั้นนี้ไปแล้ว ก็ลองให้เงินขอทาน โดยไม่คิดเล็กคิดน้อยว่า เขาจะจนจริงหรือไม่ เป็นแก๊งหลอกลวงสังคมหรือเปล่า แต่คิดแค่ว่า เรามีความสุขที่ได้ให้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


ภาพ elwynn / Shutterstock.com

7. จัดการฟื้นฟูร่างกาย และบำบัดจิตใจ
ชีวิตไม่มีวันก้าวไปข้างหน้าได้ ถ้ากายไม่พร้อม ใจไม่อำนวย ดังนั้นควรจัดตารางชีวิตเสียใหม่ โดยจัดตารางไปตรวจร่างกายประจำปี และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยมีเงื่อนไขว่า “ไม่มีข้อยกเว้น” เมื่อสร้างความพร้อมกับร่างกายได้แล้ว ก็อย่าลืมขุนใจให้แข็งแรงด้วยการรู้จักคิดบวก และหันมาศึกษาธรรมะ พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติธรรม เช่น การฝึกนั่งสมาธิ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผ่อนคลายแล้ว ยังทำให้สามารถร่ำเรียนหรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

8. สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองเสมอ
หากคุณมุ่งมั่นจะส่งจูบลาให้กับตัวเองในอดีต การกระตุ้นแรงบันดาลให้กับมาชุ่มชื้นและเฉียบคมอีกครั้งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก โดยสามารถทำให้ด้วยหลากหลายแนวทาง ตั้งแต่การอ่านอัตชีวประวัติของคนดังที่ประสบความสำเร็จ ไปจนถึงการทำสิ่งที่คุณเคยไม่กล้าทำ เช่น การเดินนอกเส้นทางเดิมๆ ลองทานอาหารเมนูใหม่ๆ ฯลฯ การรู้จักออกจากพื้นที่ปลอดภัยเช่นนี้ นอกจากช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ยังเป็นการลบความกลัวออกไปจากชีวิตแบบได้ผลชะงัดด้วย

9. จงอยู่กับปัจจุบัน



เพราะการคร่ำครวญถึงแต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่อาจแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นมา แต่เราสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่าได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ การกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าว่าเป็นอย่างไร โดยพยายามคิดถึง เพื่อเตรียมหาหนทางรับมือและจัดการกับปัจจุบันอย่างดีที่สุด คิดไว้ว่าสิ่งที่เราตัดสินใจหรือเลือกแล้วย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในขณะเดียวกันก็ขอให้เผื่อความคิดไว้สำหรับการเป้าหมายในอนาคตชีวิตบ้าง

10. อย่าอยู่อย่างอยาก
สำหรับขั้นตอนสุดท้ายเพียรท่องสโลแกนของรองเท้ากีฬาชื่อก้องเอาไว้ให้ขึ้นใจเสมอว่า “Just Do It!” หรือ อย่ามัวแต่คิดหรือพียงแค่บ่นๆ อยากๆ แล้วจบแค่นั้น แต่ต้องลงมือทำ แต่เพียงแค่นั้นยังไม่พอ คุณต้องทำโดยไม่โกหกตัวเอง และไม่ปล่อยให้ความเกรงใจทำให้ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ได้พูดในสิ่งที่คิด ทั้งที่เชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นความคิดนั้นส่งผลดีและไม่เบียดเบียนใครหรืออะไรก็ตาม ปีใหม่นี้มาเริ่มต้นใหม่ด้วยการเลิกบ่น และพยายามทำในสิ่งที่ใจบอกโดยไม่ย่อท้อ


ภาพ aslysun / Shutterstock.com

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถลืม “ตัวฉันในวันเก่า” และต้อนรับ “ตัวฉันคนใหม่” ได้แบบเต็มปากเต็มคำและเต็มใจแล้ว