แม่เฒ่าถูกฟ้องไล่ที่ซึ้งน้ำใจ หลังหลายหน่วยงานยื่นมือช่วย

2017-11-29 17:10:25

แม่เฒ่าถูกฟ้องไล่ที่ซึ้งน้ำใจ หลังหลายหน่วยงานยื่นมือช่วย

Advertisement

ยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิยื่นมือช่วยแม่เฒ่า 66 ปีแล้ว สุดซึ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หลังจากอยู่ดีๆ กลับมาถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินตัวเอง สุดซึ้งที่ยังมีความยุติธรรมให้กับตัวเองพร้อมฝากขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนที่ยื่นมือเข้าช่วย หวังรอลุ้นผลการขอยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีขอความเป็นธรรมอีกครั้ง!



เมื่อวันที่ 29 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ชัยภูมิ ถึงความคืบหน้ากรณีข่าวแม่เฒ่าวัย 66 ปี ชาว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ต้องมากลายเป็นคนไร้ที่อยู่ซึ่งอยู่ดีๆ ก็ถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินตัวเองที่อาศัยอยู่มานานกว่า 38 ปี ตามข่าวที่เคยเสนอไปแล้วนั้น


ผู้สื่อข่าวได้ติดตามแนวทางการช่วยเหลือแม่เฒ่ารายนี้ ล่าสุด ทางด้าน สนง.ยุติธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองบัวระเหว หลังทราบข่าวจึงได้ร่วมหาแนวทางการช่วยเหลือโดยด่วนมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.60 ที่ผ่านมา และสรุปแนวทางการให้ความช่วยเหลือ กรณี นางบุญมี สมศรี อายุ 66 ปี ชาวบ้าน อ.หนองบัวระเหว รายนี้ที่ถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินของตนเองและได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น นางบุญมี สมศรี ที่ปัจจุบันอายุ 66 ปี แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับ นายประสิทธิ์ สมศรี (สามี) และได้ซื้อที่ดินเนื้อที่ประมาณ 1 งานเศษตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 1 ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ต่อมารัฐได้ออกโฉนดที่ดินเนื้อที่ดังกล่าวร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีที่ดินติดกัน รวมเนื้อที่ 2 งานเศษ โดยให้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมแก่ นายประสิทธิ์ สมศรี (ซึ่งเป็นสามีนางบุญมี) และ เพื่อนบ้าน ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 7517 ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ

จากนั้นต่อมา นายประสิทธิ์ (สามี) ได้เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2557 หลังจากนั้นเพื่อนบ้าน เจ้าของที่ดินอีกรายที่อยู่ติดกันได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปค้ำประกันทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และได้ทำผิดสัญญาเช่าซื้อ ไม่สามารถผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ได้ ผู้ให้เช่าซื้อจึงดำเนินการฟ้องให้ชำระเงินพร้อมค่าเสียหาย กระทั่งต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาและมีหมายบังคับคดีให้ยึดทรัพย์ ที่ดินของเพื่อนบ้าน 1 แปลง และที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมของนายประสิทธิ์ สมศรี ซึ่งเป็นที่ดินแปลงติดควบกันไปด้วยอีก 1 แปลง ออกขายทอดตลาด และบริษัทรถดังกล่าวได้ซื้อที่ดินดังกล่าวไป 




ต่อมาทางบริษัทได้ขายที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนายประสิทธิ์ และเพื่อนบ้านโดยได้ขายให้แก่ผู้อื่นไป เมื่อปี พ.ศ. 2559 และต่อมาผู้ที่ซื้อที่ดิน เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินรายใหม่ได้ฟ้องขับไล่ให้นางบุญมี สมศรี อายุ 66 ปี ที่ปัจจุบันได้อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมชำระค่าเสียหาย เมื่อ พ.ศ.2560 และศาลจังหวัดชัยภูมิได้พิพากษาเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2560 ให้นางบุญมี สมศรี ออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวพร้อมชำระค่าเสียหายภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา เป็นเหตุให้นางบุญมี จะไม่มีที่อยู่อาศัยอีกต่อไป จึงมีการวิงวอนเข้าขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าวตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยหลังเกิดกรณีข่าวนี้เกิดขึ้น ทางด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ จึงได้มอบหมายให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยกันหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือ โดยมีนางจิราวรรณ ไชยวุฒิ ยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิ นายดนัย นิลพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิ นายนิวัฒน์ สุพจิตร นายอำเภอหนองบัวระเหว นายปาน หาจัตุรัส ปลัดอำเภอหนองบัวระเหว นายคงวิศิษฏ์ โลขันธ์ เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอหนองบัวระเหว จ.ส.อ.รณรงค์ คงนุรัตน์ (กกล.รส.จว.ชย.) นางบุญมี สมศรี นางพิชญา บุญภูมิ และเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางการช่วยเหลือ โดยล่าสุดได้มีสรุปแนวทางการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัด รับเรื่องของนางบุญมี สมศรี เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ในการจัดหาทนายความ เพื่อต่อสู้คดี อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ตัดสินเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2560 ให้นางบุญมี ออกจากที่ดิน เนื่องจากนางบุญมี และนายประสิทธิ์ สามี ไม่ได้เป็นลูกหนี้ และทรัพย์ที่ยึดขายทอดตลาดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมไม่สามารถยึดขายได้ทั้งแปลง ต้องแบ่งแยก และยึดขายเฉพาะส่วนของเพื่อนบ้าน แต่เนื่องจากนางบุญมีไม่ทราบว่ามีการยึดทรัพย์ที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาดจึงไม่ได้ไปขอกันส่วนทรัพย์พิพาทดังกล่าว และการปิดประกาศหมายยึดทรัพย์ไม่ได้นำมาปิดประกาศให้นางบุญมีทราบ เพราะไปปิดที่บ้านของเพื่อนบ้านที่เป็นลูกหนี้เท่านั้น



นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิเพื่อตรวจสอบการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดว่าชอบหรือไม่ และจะมีช่องทางของกฎหมายอย่างไรได้บ้างต่อไป ถ้าหากไม่มีช่องทางช่วยเหลือทางกฎหมาย ต้องประสานคู่กรณีผู้เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินคนปัจจุบัน เพื่อนัดไกล่เกลี่ยเจรจาขอซื้อที่ดินคืน หรือชะลอการขับไล่นางบุญมี ออกไปก่อนในระหว่างนี้ที่คณะกรรมการช่วยเหลือทางยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิที่จะช่วยยื่นอุทธรณ์สู้คดีกันอีกครั้งจนกว่าคดีจะสิ้นสุดต่อไป



ด้านนางบุญมี แม่เฒ่า วัย 66 ปี ผู้ถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินตัวเองในครั้งนี้ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าวที่สื่อมวลชนช่วยนำเสนอขอความเป็นธรรมให้กับตัวเองออกไป ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายใน จ.ชัยภูมิ เร่งยื่นมือให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้เพื่อจะได้ความเป็นธรรมกลับคืนมาให้ตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเตรียมถูกฟ้องขับไล่ให้ออกจากบ้านและที่ดินของตัวเองดังกล่าวภายในวันที่ 30 พ.ย.60 พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ โดยเชื่อว่าความยุติธรรม และความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและจะรอเวลาที่จะได้บ้าน ที่ดินของตนเองกลับคืนมาอีกครั้งก่อนที่จะหมดลมหายใจ ด้วยที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ร่วมแรงร่วมใจกันหาเงินซื้อมากับสามีที่เคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปี 2522 มาจนปัจจุบันก็อยู่มานานกว่า 38 ปี แล้ว หลังสามีเสียชีวิตไปก่อนหน้านี่กว่า 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองก็ยังรู้สึกเหมือนว่าสามียังอาศัยอยู่กับตัวเองที่บ้านหลังนี้มาตลอดเหมือนไม่เคยจากกันไปไหน ซึ่งแม่เฒ่ายังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอขอบคุณสื่อมวลชนชัยภูมิ ที่มาช่วยนำเสนอข่าวเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสที่จะไปเรียกร้องความยุติธรรมกับใครได้อีกแล้ว