ตร.เอาผิด"ครูอ๋อง-สับ วาปี"แจ้งความเท็จคดี"ครูจอมทรัพย์"

2017-11-19 11:25:36

ตร.เอาผิด"ครูอ๋อง-สับ วาปี"แจ้งความเท็จคดี"ครูจอมทรัพย์"

Advertisement

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม สั่งแจ้งความเอาผิดขบวนการสร้างแพะคดี "ครูจอมทรัพย์"  ทั้ง "ครูอ๋อง-สับ วาปี" ข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน


​เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ชาว จ.สกลนคร ที่ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อฟื้นคดี โดยอ้างว่าตกเป็นแพะในคดีขับรถยนต์ชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อ 11 มี.ค.2548 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม สุดท้ายหลังต่อสู้ 3 ศาล เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ยกคำร้องของครูจอมทรัพย์ ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลฎีกาเดิม หมายถึง ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะ ตามคำร้อง ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ พยานหลักฐานที่นำมาเบิกความต่อศาล ในการรื้อฟื้นคดี ไม่น่าเชื่อถือ แต่ไม่ต้องกลับไปรับโทษในคดีนี้อีก เพราะพ้นโทษมาแล้ว

ทางด้าน พล.ต.สุวิชาญ ญาณกิติตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้คณะทำงานเกี่ยวกับการคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ หลังศาลมีคำพิพากษา เพื่อดำเนินคดีกับ กลุ่มขบวนการที่มีหลักฐานว่า เป็นการสร้างพยานเท็จ หรือมีขบวนการรับจ้างทำผิดแทน เบื้องต้นได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ พลศรีหาราช ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน ในช่วงขณะเกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย เข้าแจ้งควาต่อพนักงานสอบสวน 3 โรงพัก ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนดำเนินคดี ประกอบด้วยสภ.นาโดน สภ.เรณูนคร และ สภ.เมืองนครพนม กล่าวหาดำเนินคดี กับ นายสุริยา นวลเจริญ หรือ "ครูอ๋อง" ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของครูจอมทรัพย์ ที่เคยนำพยานหลักฐานสำคัญ มายืนยันต่อพนักงานสอบสวน ว่าครูจอมทรัพย์ไม่ได้กระทำผิด หลังครูจอมทรัย์พ้นโทษออกมา เมื่อปี 2556 ก่อนมีการร้องกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อฟื้นคดี รวมไปถึง นายสับ ว่าปี ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถตัวจริง ซึ่งมีการแจ้งความเอาผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานความผิด แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน รวม 3 มาตรา คือ มาตรา 137 มาตรา 172 มาตรา 173 ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รอการสอบสวนขยายผล หากมีส่วนเกี่ยวข้อง จะถูกดำเดินคดีทั้งหมด ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องออกหมายเรียก มาสอบสวน ตามขั้นตอน


​ส่วนเนื้อหาสาระสำคัญ คือ ทางตำรวจพบพิรุธจากหลักฐาน ในการเข้าแจ้งความ รวมถึงลงประจำวัน ที่มาให้การตำรวจ ที่ สภ.เรณูนคร ของ นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2556 ว่า นายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับรถ ตัวจริง ไม่ใช่ครูจอมทรัพย์ จึงต้องการมาลงบันทึก เพื่อนำไปเป็นพยานหลักฐานช่วยครูจอมทรัพย์ ก่อนเงียบหายไป จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2557 นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ได้นำ นายสับ วาปี ไปแจ้งความลงประจำวัน ที่ สภ.นาโดน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดำเนินคดี ยืนยันว่า เป็นคนขับรถตัวจริง ทำให้มีคนขับรถถึง 2 คน ถือเป็นข้อพิรุธสำคัญ ที่จะได้เป็นหลักฐาน รวมถึงสำนวนคำให้การที่ศาลจังหวัดนครพนม ในการเบิกความต่อศาล ช่วงการพิจารณาไต่สอนรื้อฟื้นคดี ทั้งหมดทางตำรวจเชื่อว่า นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง จะเป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการ รับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ และจะได้สอบสวนขยายผลต่อไป ในส่วนที่เหลือ หากพยานคนไหน ที่มีการให้การไม่สอดคล้องกัน เมื่อเทียบกับเอกสารหลักฐานของตำรวจ เมื่อเทียบกับคำให้การของศาล จะได้ตรวจสอบดำเนินคดีทั้งหมดว่ามีเจตนาให้การเท็จหรือไม่


​นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุดใจ คำชามา อายุ 64 ปีอยู่บ้านเลขที่ 597/5 ถนนประชาอุทิศ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร อาชีพทำไร่ทำนา ได้ลงทุนขับรถยนต์มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร วัย 55 ปี พร้อมพวก โดยระบุว่า หลังศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในกรณีที่นางจอมทรัพย์ ได้ร้องขอรื้อฟื้นคดี แต่ศาลยกคำร้อง ตนในฐานะประชาชนคนไทย รับไม่ได้ ถือว่านางจอมทรัพย์พร้อมพวกทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และทำให้ข้าราชการตำรวจได้รับความเสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากประชาชนทั่วไปที่เข้าใจผิด อีกทั้งยังต้องการอยากจะให้มีการปฏิรูปวงการตำรวจด้วย และต้องการให้ดำเนินคดีกับการกระทำของครูจอมทรัพย์พร้อมพวก ตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป เบื้องต้นทางตำรวจได้รับแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อรวบรวมหลักฐาน ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป