“บิ๊กตู่”พอใจปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ

2017-10-07 14:55:20

“บิ๊กตู่”พอใจปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ

Advertisement

นายกฯ พอใจการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ กำชับเจ้าหน้าที่ตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ชาติ ไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมยืนยันเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการท่องเที่ยวในประเทศควบคู่กัน

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้รับทราบรายงานการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยพอใจภาพรวมการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทและห้างร้านที่มีพฤติการณ์เกี่ยวพันกับทัวร์ศูนย์เหรียญ 29 แห่ง ในความผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542

“นายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง เพื่อลดการผูกขาดและการทำลายภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทย ส่วนจะมีความผิดอื่น ๆ เช่น หลีกเลี่ยงภาษี อีกด้วยหรือไม่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและทำงานอย่างต่อเนื่องก่อน พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าทุกคนทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ได้อิงอยู่กับกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และจะขยายผลไปยังผู้ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญต่อไปในอนาคต”พล.ท.สรรเสริญ กล่าว




โฆษกรัฐบาล กล่าวต่อว่า นอกจากการปราบปรามการกระทำความผิดทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจังแล้ว รัฐบาลยังได้นำข้อมูลข้อร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้แจ้งข้อมูลผ่านหน่วยงานของจีนที่ทำงานร่วมกับทางการไทยไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นด้วย เช่น การบริการที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่ตกลงกันไว้ การขอคืนสินค้าหรือบังคับให้ซื้อสินค้าและบริการ

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า การท่องเที่ยวจีนประจำประเทศไทย ได้ยกโมเดลของไทยที่บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มธุรกิจทัวร์ที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างจริงจังเป็นต้นแบบให้แก่ประเทศอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบคุณภาพของบริษัททัวร์ในจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ องค์การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ระบุด้วยว่า ระหว่างปี 2558 – 2559 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านคน และไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 3 รองจากสหรัฐฯ และสเปน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทัวร์เหรียญ