โปรดเกล้าฯ กฎหมายพรรคการเมือง

2017-10-07 13:55:15

โปรดเกล้าฯ กฎหมายพรรคการเมือง

Advertisement

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จำนวน 152 มาตรา

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 30 ก.ย.2560 เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน ระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.ป.นี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 24 และมาตรา 37 ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจําเป็นในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตาม พ.ร.ป.นี้ เพื่อให้การจัดตั้ง การบริหารงาน และการดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง เป็นไปโดยเปิดเผยและตรวจสอบได้ เปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในการกําหนดนโยบาย และการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งมีมาตรการกํากับให้พรรคการเมืองสามารถดําเนินการโดยอิสระไม่ถูกครอบงํา หรือชี้นําโดยบุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกของพรรคการเมือง

สำหรับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีทั้งหมด 152 มาตรา สาระสำคัญ เช่น มาตรา 9 บุคคลซึ่งมีอุดมการณ์ทางการเมืองในแนวทางเดียวกัน ไม่มีลักษณะต้องห้าม จำนวนไม่น้อยกว่า 500 คนอาจร่วมกันดำเนินการเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.นี้ได้ พรรคการเมืองต้องมีทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองทุกคนต้องร่วมกันจ่ายเงินเพื่อเป็นทุนประเดิมคนละไม่น้อยกว่า 1,000 บาทแต่ไม่เกินคนละ 5 หมื่นบาท




มาตรา 33 ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียน พรรคการเมืองต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ (1)ดำเนินการให้มีจำนวนสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คน และต้องเพิ่มจำนวนสมาชิกให้มี จำนวนไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคนภายใน 4 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียน (2) จัดให้มีสาขาพรรคการเมืองในแต่ละภาคตามบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัดที่คณะกรรมการ กำหนดอย่างน้อยภาคละ 1 สาขา โดยสาขาพรรคการเมืองแต่ละสาขาต้องมีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของสาขานั้นตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป

มาตรา 46 ห้ามมิให้พรรคการเมือง สมาชิก หรือผู้ใด เรียก รับ หรือยอมจะรับเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ใด เพื่อให้ผู้นั้นหรือบุคคลอื่นได้รับแต่งตั้ง หรือสัญญาว่าจะให้ได้รับแต่งตั้ง หรือเพราะเหตุที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในการบริหารราชการแผ่นดินหรือในหน่วยงานของรัฐ