ต้องลดแรง เร่งขจัด ความขัดแย้ง ลดระแวง เชื่อมั่น เพื่อวันหน้า
สืบสานต่อ โบราณ นานเนามา ให้ก้าวหน้า ด้วยไทย ใจมั่นคง
สู่เศรษฐกิจ 4.0 จากมูลฐาน ทุกกิจการ พัฒนา อย่าหลงใหล
สู้อาชีพ สู้งาน บ้านมั่นคง มุ่งจำนง ปวงชน ทุกคนไทย
นั่นคือ..กลอนแปด 2 บทสุดท้ายจากทั้งหมด 9 บท ภายใต้ชื่อ “ไทยแลนด์4.0” รจนาโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อ 27 มิ.ย.หลังวันสุนทรภู่เพียงวันเดียว ทำให้นายกฯ ลุงตู่ได้รับฉายา “สุนทรตู่” ไปในชั่วข้ามคืน..
ในฐานะที่ในอดีตก็เคยหมกมุ่นขีดๆ เขียนๆ บทกวีกับเขาอยู่บ้าง ก็พอจะกล่าวได้ว่าฝีไม้ลายมือของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเขียนกลอนไม่เลวทีเดียว แม้จะน่าเสียดายอยู่นิดหน่อยตรงที่เจ้าตัวออกตัวเสียก่อนว่าเป็นการรีบเขียน โดยเขียนเป็นบทๆ ไม่ได้มีสัมผัสเชื่อม (สัมผัสระหว่างบท) ก็ตาม..
อันว่าสัมผัสระหว่างบทนั้นอธิบายได้ว่า หากว่าตามบทกลอนลุงตู่ที่ยกมาข้างต้นในเมื่อคำสุดท้ายของบทแรกคือคำว่า “คง” หากทำให้ถูกต้องวรรคที่ 2 หรือวรรครับของบทต่อมาแก้คำว่า “ใหล” เป็น “หลง” จากหลงใหลเป็นใหลหลงก็ใช้ได้เลย เพราะคำว่า “คง” จะสัมผัสกับ “หลง” ..เป็นสัมผัสระหว่างบท
วันเดียวกับที่เขียนกลอน “ไทยแลนด์4.0” พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้แสดงท่าทีทางการเมืองเป็นครั้งแรกเรื่องการตั้งพรรคการเมืองว่า..
“อย่ามากังวลกับผม ว่าผมจะอยู่ต่อหรือเปล่า หรือตั้งพรรคการเมืองหรือเปล่า แต่จะทำวันนี้ให้ผ่านไปก่อน สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดต่อไปเองว่าเราควรจะทำอย่างไรในอนาคต โดยเราจะต้องคาดหวังแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ทำได้ทำสำเร็จ อย่าไปคิดว่าจะต้องทำโน่น ทำนี่ให้เสียสมาธิ วันหน้าก็อยู่ที่ประชาชนนั่นแหละ”
แบบนี้มันยิ่งกว่านักการเมืองนะเนี่ย..เพราะเป็นท่าทีที่ไม่ปิดทางตัวเองในการต่อวีซ่า ย่างสามขุมขึ้นสู่อำนาจอีกวาระ หลังจากนิด้า โพลบอกว่าประชาชน 53.52% สนับสนุนให้ผู้บริหารประเทศชุดปัจจุบันตั้งพรรค..ซึ่งที่สุดจะตั้งหรือไม่ตั้งก็อีกเรื่อง ผมทราบเพียงว่ามีคนบางกลุ่มเดินเกมจัดตั้งอยู่..เท่านั้นเอง!!..