อัยการสั่งฟ้อง “โอ๊ค” คดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทย

2018-10-10 10:55:25

อัยการสั่งฟ้อง “โอ๊ค” คดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทย

Advertisement

อัยการสั่งฟ้อง "โอ๊ค” สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 10 ล้านบาทแบงก์กรุงไทย พร้อมสั่งฟ้อง “กาญจนาภา-สามี” สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน 26 ล้านบาท แกนนำเพื่อไทยแห่ให้กำลังใจเพียบ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ต.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 นัดสั่งคดี (รอบที่ 2) นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค กับพวก ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยในวันนี้ นายพานทองแท้ บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาพร้อมกับน้องสาว “เอม” นางพิณทองทา คุณากรวงศ์ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี และ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เพื่อฟังคำสั่งในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนี้ยังมีแกนนำของพรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายนพดล ปัทมะ นายภูมิธรรม เวชชยชัย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายชัยเกษม นิติสิริ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายโภคิน พลกุล นายพิชัย นริพทะพันธุ์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล เดินทางมาให้กำลังใจอย่างพร้อมเพรียง



นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาในความผิดมูลฐานของคดีนี้เกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยโดยมิชอบ และมีคำพิพากษาจำคุก นายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวก และผู้บริหารธนาคารกรุงไทยจำนวนหลายคน ซึ่งนายวิชัย ทำธุรกรรมกับผู้รับโอนเงินหลายราย




ต่อมาวันที่ 1 มี.ค.2560 พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ซึ่งเป็นคดีพิเศษที่มีการกล่าวหานายวิชัย กับพวกรวม 13 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ต่อมาวันที่ 25 ก.ค.2561 พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนกล่าวหานางเกศินี จิปิภพ กับพวกรวม 4 คน กระทำผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน เกี่ยวกับการโอนธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวพันกับคดีพิเศษ ต่อมาวันที่ 10 ก.ย.2561 พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวหาผู้ต้องหาจำนวน 159 คน กระทำผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน เกี่ยวกับการโอนธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวพันกับคดีพิเศษ

สำหรับคดีที่กล่าวหานายพานทองแท้ กับพวก คณะทำงานสำนักคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้ กรณีเช็ค 26 ล้านบาท คณะทำงานพิจารณาแล้วมีคำสั่งดังนี้ 1.สั่งไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 2.สั่งฟ้องนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 ฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 26 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9 , 60 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5 ) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6 ) พ.ศ.2526 มาตรา 4





กรณีเช็ค10 ล้านบาท สั่งฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 10 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9 , 60 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5 ) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6 ) พ.ศ.2526 มาตรา 4

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้ดูแลเรื่องคดีให้เพราะเข้าใจว่ามีทนายความดูแลอยู่แล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่ออัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว จะต้องพาตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนไปส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ทราบว่าทางทนายความได้เตรียมเงินสดจำนวนหนึ่งยื่นขอประกันตัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งอย่างไร