รมว.มหาดไทย ระบุแม้น้ำล้นสปิลเวย์เขื่อนกระจาน แต่สถานการณ์ไม่รุนแรง ชี้ 4 อำเภออาจได้รับผลกระทบบ้างไม่มาก ประกอบด้วย อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง อ.บ้านแหลม ขณะที่ รมว.เกษตรฯ ระบุแยกมวลน้ำไหลลงไปสู่ตัวเมืองเพชรบุรี ช้าและมีปริมาณน้อยลง
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำที่เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์น้ำได้ แม้ว่าจะมีน้ำล้นสปิลเวย์ หรือมีน้ำทะเลหนุนในช่วง 2 วันนี้ แต่สถานการณ์ไม่รุนแรง โดยจะมี 4 อำเภอที่อาจได้รับผลกระทบบ้าง คือ อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง และอ.บ้านแหลม คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมาก มีเพียงบริเวณที่อยู่ใกล้น้ำเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำเขื่อนแก่งกระจาน ใช้ 3 ช่องทางคือ ประตูปิดเปิดธรรมดา ช่องทางน้ำล้น (สปิลเวย์) และ เครื่องสูบน้ำออก ซึ่งมวลน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาที่แม่น้ำเพชรบุรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แยกมวลน้ำดังกล่าวให้ออกไปทางซ้ายและขวาของแม่น้ำเพชรบุรี ส่วนหนึ่งใช้เครื่องสูบน้ำ เป็นทางลัดไปสู่อ่าวไทย อีกส่วนกำลังสำรวจดูพื้นที่ว่างที่ยังไม่มีการทำเกษตรเพื่อนำน้ำลงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่ทำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องสูบน้ำ และการผันน้ำออกทางซ้ายและขวา ทำให้น้ำที่จะลงไปสู่ตัวเมืองเพชรบุรี ลงไปช้าและมีปริมาณน้อยลง จึงมีเวลาให้ประชาชนในพื้นที่ ได้เตรียมความพร้อม
เมื่อถามถึงกรณีนายกฯมีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่ จ.เพชรบุรี นายกฤษฎา กล่าวว่า นายกฯมีกำหนดการไปตรวจเยี่ยมประชาชน แม้ว่าน้ำจะยังไม่ท่วม แต่นายกฯจะไปดูการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้ทราบว่า ผวจ.เพชรบุรีและหัวหน้าส่วนราชการได้เตรียมการได้อย่างดีแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 8 ส.ค. นายกฯ พร้อมคณะ มีกำหนดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ จ.เพชรบุรี โดยจะออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ในเวลา 08.30 น.ไปยัง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีและเดินทางต่อด้วยรถยนต์ไปยังเขื่อนเพชร เพื่อดูการบริหารจัดการน้ำที่มาจากเขื่อนแก่งกระจาน รวมทั้งตรวจระดับน้ำและรับฟังการบรรยายสรุปก่อนที่จะมอบนโยบายให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ ก่อนที่จะเดินทางกลับ กทม.ในเวลาประมาณ 15:30 น.