ผลวิจัย “ยาหมอแสง”ไม่ฆ่ามะเร็ง

2018-04-24 16:15:29

ผลวิจัย “ยาหมอแสง”ไม่ฆ่ามะเร็ง

Advertisement

สรุปผลวิจัย "ยาหมอแสง"ออกมาแล้ว ฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ด้าน "หมอแสง" ยืนยันแจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นความหวังของประชาชน

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ “หมอแสง” และทีมนักวิจัยประสิทธิภาพสมุนไพรสูตรของนายแสงชัย ต่อการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งผลการวิจัยออกมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีการหารือร่วมกันในวันนี้ โดยมีการหารือร่วมกันนานกว่า 3 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 09.00 น.ไม่ให้สื่อมวลชน หรือผู้ใดเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. นพ.ณรงค์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายหลังการหารือว่า ทางกรมได้นำตัวอย่างสมุนไพรนายแสงชัยมาทดลองในลักษณะตัวยาที่มีความเข้มข้นต่างกัน แยกเป็นที่อยู่ในสารน้ำ ในเลือด และปริมาณที่มีความเข้มข้นสูงๆ แล้วนำสมุนไพรนี้ไปทดสอบกับเซลล์มะเร็ง 7 แบบ คือ มะเร็งเต้านม 3 ชนิด มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะอาหาร ผลการทดลองในหลอดทดลองนั้นพบว่าตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่กรมการแพทย์แผนไทยฯ กรมการแพทย์ก็ได้ศึกษาต่อในเรื่องของคุณภาพชีวิตก็พบว่าสามารถใช้ได้




เมื่อถามว่าต้องเดินหน้าวิจัยในสัตว์ทดลอง และในคนต่อหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการคุยกันพอสมควรในทิศทางที่จะเดินต่อไป เพราะมีมุมมองหลายมุมมอง เท่าที่คุยกันในวันนี้คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ต้องเรียนว่าการดูแลแบบคู่ขนาน ทุกระยะ คิดว่าถ้าช่วยกันดูแลประชาชนน่าจะได้ประโยชน์สูงสุด ที่คุยกับนายแสงชัยแล้ว อยากบอกพี่น้องประชาชนว่าอย่ารักษาข้างใดข้างหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นระยะท้ายๆ การมารับยานายแสงชัย เพื่อประคับประคองก็ได้ แต่หากเป็นระยะต้นๆ ก็รักษาคู่ขนานกันไป ซึ่งนายแสงชัยก็เห็นด้วย ในการรักษาสิ่งที่เป็นประเด็นในสมุนไพรของนายแสงชัยคือหนึ่งไม่มีความเป็นพิษ ดังนั้นการรับเข้าสู่ร่างกายไม่เป็นพิษ แต่ประเด็นเรื่องการทดลองหลังรับสมุนไพรคือไม่ได้ผลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง ดังนั้นการรักษาคู่ขนานน่าจะเป็นคำตอบที่ดีกับประชาชน ส่วนประเด็นว่าระหว่างนี้จะมีช่องทางในการขึ้นทะเบียนสมุนไพรสูตรของนายแสงชัย เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพใดตามกฎหมายได้หรือไม่ ซึ่งนายแสงชัยเองก็ได้สอบถามในประเด็นนี้มาเหมือนกันก็เรียนว่าคงยังไม่ได้ 

ขณะที่ นายแสงชัย กล่าวว่า สิ่งที่กรมการแพทย์นำไปทดลองนั้นก็เป็นเพียงการวิจัยในหลอดทดลอง ซึ่งปรากฎว่าไม่มีผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ไปอยู่ในตัวคนแล้วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หรือไม่ เพราะเมื่ออยู่ในหลอดทดลองก็อยู่แค่นั้น แต่ถ้าเข้าร่างกายแล้วมันก็ไปตามเส้นเลือด แต่กรมการแพทย์ก็บอกว่าจริงๆ คนที่พอมีฐานะ มีความรู้ กลัวจะเสียโอกาสก็ให้ไปให้แพทย์รักษา อย่าพยายามมากินสมุนไพรตัวนี้เลย ยืนยันว่ายังแจกสมุนไพรต่อไป ถ้าเขาสั่งหยุด ถ้าเขาไม่ห้ามเราก็แจกต่ออยู่แล้วเพราะเป็นความหวังของประชาชน จริงๆ แล้วถามว่าที่เราทำมา 10 กว่าปี ก็ย่ำอยู่กับที่ เปลี่ยน รมว.สาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย อธิบดีกรมการแพทย์มากี่คนแล้ว สถาบันมะเร็งก็เปลี่ยน ผอ.มาหลายคน แต่ของเรายาเป็นตำนาน ส่วนเรื่องสูตรจะขายให้ต่างชาติหรือไม่นั้นก็ไม่แน่หากหมอไทยบอกไม่ได้ผลเราจะเอาสูตรไว้ทำไม ต่างชาติเขาฉลาดก็ทำ ที่แจกยามีหมอจากเยอรมนี รพ.จากอเมริกาเขาก็มาเฝ้าทุกระยะเพื่อติดต่อขอซื้อ แต่ยังไม่อยากขาย กลัวคนไทยไม่มีกิน ซึ่งก็จะไปแจกต่อที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 2 พ.ค.นี้


ประชาชนเดินทางรับยาหมอแสง

เมื่อถามว่าผลการทดลองที่ออกมานายแสงชัยจะต้องมีการชี้แจงต่อประชาชนที่รอรับสมุนไพรอย่างไร นายแสงชัย กล่าวว่า ประชาชนเขาไม่ต้องการคำชี้แจงหรอก เขาต้องการรู้แค่ว่าตนต้องการจะแจกยาต่อหรือไม่เท่านั้นเอง เมื่อถามต่อว่าผลทดลองบอกไม่ได้ผลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง ดังนั้นจะปรับกลุ่มการแจกสมุนไพรหรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า ถ้าผู้ป่วยเขาพร้อมจะไปรับเราก็ให้ หรือถ้าเขาสะดวกก็ไปที่สถาบันมะเร็งซึ่งรักษาทุกระยะ ไม่มีไล่กลับบ้าน รับได้หมด ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ป่วยที่มารับสมุนไพรนั้นนั้นไม่มีการทิ้งการรักษาแผนปัจจุบัน แต่มีคนป่วยที่หมดทางรักษาแล้วอยู่ในมือเราหลายพันคน เป็นมะเร็งรวมๆ สมุนไพรเราเองก็ไม่มีสูตรแยกว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน รวมมั่ว มะเร็งก็คือไวรัส เราไม่ใช่หมออย่าไปแยกมัน มะเร็งคือไวรัสชนิดหนึ่งเราก็ฆ่ามันเท่านั้นเอง

เมื่อถามต่อว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนจริงๆ จะต้องขยายผลทดลอง หรือร่วมกับภาครัฐในการทดลองหรือไม่ นายแสงชัย กล่าวว่า เรื่องการขยายผลจริงๆ อยู่ที่ภาครัฐ ตนมีแค่หน้าที่ผลิต ซึ่งก็ทำมาตลอด แต่ก็บอกทุกครั้งว่าให้รักษาควบคู่กันไป ตนบอกตลอดว่าไม่ใช่หมอ แต่เป็นผู้แบ่งปันคนหมดหนทาง ไม่เป็นไร เรายังเดินหน้าแจกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหว และคิดว่าเร็วๆ นี้คงจะไม่ไหว วันนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 4 แสนเม็ดต่อเดือน สำหรับกรณีมีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องว่าทำไมต้องมีการลงบันทึกประจำวันนั้นก็คงต้องไปถามคนที่ตั้งคำถามว่าคนที่ผ่าตัดในรพ.ที่ผ่าตัดในรพ.ทำไมต้องให้ญาติเซ็น คนจะตาย ตายแล้วไม่เดือดร้อนเราให้แค่นี้พอ พอแจ้งความแล้วตำรวจจะรู้ยอดคนจะได้ให้การดูแลได้ ที่มาของยา 6 เม็ด เพราะมันไม่พอเลยแบ่งจาก 10 เม็ดเหลือ 6 เม็ด


นายแสงชัย กล่าวต่อว่า ที่รัฐทำคือทดลองในหลอดทดลอง จะเอามาทดลลองในคนไม่ได้ เพราะผิดจริยธรรม แต่ผมทำตายไปหลายคนแล้ว เริ่มต้นก่อนจะแจกไม่ใช่ว่าผมไม่ทดลอง เราทดลองตามผู้ป่วยติดเตียง ตามบ้าน ตามวัดก็ตายประมาณ 300-500 คน ทำตายมาเยอะแต่ถ้าเป็นส่วนรัฐทำไม่ได้เพราะผิดจริยธรรม แต่เราเอาผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่มีทางรอด ตายแน่ๆ ญาติยอมเราก็ให้กิน ตายเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่านี่ถือเป็นการวิจัยแล้วใช่หรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า อันนั้นคือคิดการใหญ่ใจต้องถึง มัวแต่ไปรอภาคส่วนรัฐที่ต้องรอทดลองในหลอดทดลองแล้ว สัตว์น้อย สัตว์ใหญ่ ผมไม่เอาหรอกผมจะรักษาคน ไม่ได้รักษาสัตว์ ไม่ได้รักษาสัตว์ทดลอง ก็เลยเอาคนจริง และเมื่อถามต่อว่าในการทดลองในคนได้มีการขออนุญาตก่อนหรือไม่ นายแสงชัยกล่าวว่า ต้องขออนุญาตใคร ก็ขออนุญาตญาติเขาแล้ว ซึ่งเราไม่กังวลว่ามันเป็นการวิจัยในมนุษย์