รัฐบาลซีเรียถล่มพื้นที่ยึดครองของกบฏในเขตกูตาตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน และบาดเจ็บอีก 325 คน
กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในอังกฤษ แถลงเมื่อวานนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 71 ราย และบาดเจ็บอีก 325 คน ในเขตกูตาตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของกบฏซีเรีย หลังจากรัฐบาลซีเรีย ปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศ และยิงปืนใหญ่ถล่ม โดย 62 คนที่เสียชีวิตเป็นพลเรือน ซึ่งรวมทั้งเด็ก 9 คน และผู้หญิง 5 คน และมีนักรบหัวรุนแรง 9 คนเสียชีวิตจากการโจมตีหลายระลอกใกล้กรุงดามัสกัส ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งนี้ เขตกูตาตะวันออก ถูกกองทัพรัฐบาลซีเรียปิดล้อมมานานกว่า 4 ปีแล้ว แต่การปิดล้อมเข้มข้นขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว เมื่อกองทัพรัฐบาล เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ แม้ว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเขตลดความรุนแรง ตามข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามร่วมกันโดยรัสเซีย, ตุรกีและอิหร่านในเดือนพฤษภาคม 2560
จากข้อมูลของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า มีชาวซีเรียประมาณ 4 แสนคน เสียชีวิตตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้นในปี 2554 และชาวซีเรีย 5.4 ล้านคนหลบหนีออกนอกประเทศ ขณะที่ 6.1 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย แต่ยังอยู่ในซีเรีย
ฟิลิปโป กรานดี ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ เรียกสถานการณ์ในซีเรียว่า วิกฤตมนุษยธรรมและผู้ลี้ภัยที่เลวร้ายที่สุดในยุคปัจจุบัน