ตำรวจภาค 5 พร้อมตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ลุยอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดใน จ.เชียงใหม่ฟอกเงินผ่านเมียน้อย 6 คน เผยยึด 80 ล้านบาทจากเมียน้อยแค่ 1 คน เดินหน้าตรวจสอบ 5 คนที่เหลือ
จากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ทำการจับกุมตัวนายสุชาติ เทียนชัยพนา อายุ 56 ปี ชาวกะเหรี่ยง อยู่บ้านเลขที่ 18/2 หมู่ที่ 3 บ้านป่าแหน ต.แม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางไอซ์น้ำหนักประมาณ 560 กิโลกรัม พร้อมด้วยยาบ้า 708,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาทซึ่งถือเป็นการจับกุมลอตใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ระหว่างที่กำลังขนส่งยาเสพติดดังกล่าวจากตลาดรวมโชค ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งขึ้นรถของบริษัทขนส่งใน ต.ฟ้าฮ่าม ไปส่งให้ลูกค้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผู้ต้องหาสารภาพว่าเคยทำลักษณะนี้มาแล้วกว่า 4 ครั้ง ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 5 นำหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ ค.72 /2561 เข้าค้นบ้านเลขที่ 72/5 หมู่ที่ 4 ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.วิไลพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ 4 ของนายธัญเทพ โปติ หรือ ป๋าดอย อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งนายธัญเทพ ถือเป็นผู้บงการลอบขนยาไอซ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากบ้านดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ยังได้บุกค้นและอายัดทรัพย์สินอีกหลายจุดเช่นหอพักธนกฤตเพลส เลขที่ 29/13 หมู่ที่ 2 ต.ช้างเผือก ของนางวิไลพร และบ้านพักใน อ.หางดง อีก 2 หลัง จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเอกสารเชื่อมโยง และทำการอายัดบ้านพร้อมที่ดิน อาคารหอพักพร้อมที่ดิน และรถยนต์กว่า 10 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 80 ล้านบาท
พล.ต.ต.ภานุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า สำหรับการขยายผลเครือข่ายค้ายากลุ่มนี้เราได้มีการขยายการจับกุมเครือข่ายที่ถูกจับกุมครั้งก่อน คือ จับกุมนายสุชาติ พร้อมยาไอซ์ และยาบ้า เป็นเครือข่ายที่ใหญ่สุดของประเทศไทย โดยได้มีการออกหมายจับ 2 คน คือ นายธัญเทพ โปติ หรือ ป๋าดอย และ นายประพล คำนุง ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ และยาบ้า แล้ววันนี้ทางตำรวจได้ร่วมกับ ปปส.ขยายผล ติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายนี้ ทราบว่า นาย ธัญญเทพ มีภรรยา 6 คน จึงได้ตรวจสอบการได้มาซึ่งทรัพย์สินของภรรยาทั้งหมด สามารถอายัตทรัพย์สินไว้ประมาณ 80 ล้านบาท เป็นบ้าน หอพัก รถยนต์กว่า 10 คัน ส่วนนี้เป็นแค่ทรัพย์สินของภรรยาคนที่ 4 เพียงคนเดียว ยังเหลือภรรยาอีก 5 คน ซึ่งแต่ละคนก็มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ซึ่งจะทำการตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินทั้งหมดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ส่วนนายประพล ทราบว่าเป็นลูกน้องของนายธัญเทพมีทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งจะสืบสวนหาทรัพย์สินที่เชื่อว่ายังมีอีกจำนวนมากและตามยึดมาให้หมด
พล.ต.ต.ภานุเดช กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนหลังจากมือขนคือนายสุชาติ ถูกจับก็หลบหนีหายไป ซึ่งหากสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้เชื่อว่าจะสามารถขยายผลถึงแหล่งพักและแพคยาเสพติดก่อนนำส่งบริษัทโลจิสติกส์ได้ สำหรับบริษัทขนส่งเอกชน ที่รับขนส่งยาเสพติด ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดในกระบวนการรับฝากพัสดุภัณฑ์ เพราะบริษัทขนส่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายยาเสพติดตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี แต่จากการตรวจสอบนายสุชาติ ระบุว่า ได้ฝากส่งยาเสพติดผ่านบริษัทดังกล่าวมาแล้ว 4 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกในเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา และเดือน ม.ค.อีก 2 ครั้ง แต่ละครั้งมีจำนวนหลายสิบกล่อง แต่ปรากฏว่าเอกชนที่รับขนส่งกลับไม่มีการขอข้อมูลของผู้ฝากส่งและผู้รับปลายทาง ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเสนอให้ ผบช.ภาค 5 พิจารณา ซึ่งหากพบว่าบริษัทขนส่งบกพร่อง จะมีบทลงโทษ 3 ระดับ คือ ปรับตั้งแต่ 1 – 1.5 หมื่นบาท สั่งให้หยุดกิจการครั้งละไม่เกิน 15 วัน และสั่งถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ
