กองปราบแถลงจับผู้ต้องหาคดีประมูลทองออนไลน์

2017-04-21 14:10:46

กองปราบแถลงจับผู้ต้องหาคดีประมูลทองออนไลน์

Advertisement

กองปราบ แถลงจับผู้ต้องหา คดีประมูลทองผ่านเฟสบุ๊ค มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท


เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. นำตัวนางสาว รัชชุดา ทองแย้ม อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี ผู้ต้องหาคดีประมูลทองผ่านเฟสบุ๊ค มาที่กองบังคับการปราบปราม หลังผู้เสียหาย กว่า 60 ราย เข้าแจ้งความที่ ปอท. เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท ท่ามกลางผู้เสียหายจำนวนหนึ่งที่มารอชี้ตัว



โดย พลตำรวจตรีศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีการประมูลทองทุกระดับ และส่งของทางไปรษณีย์ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ายังได้รับสินค้าอยู่ จนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เริ่มไม่ส่งสินค้าตามที่ตกลงกับลูกค้าไว้ ผู้เสียหาย 64 ราย จึงได้เข้าแจ้งความกับ ปอท.  ทางตำรวจจึงขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จนสามารถจำกุมได้ในวันนี้ เวลา 1 นาฬิกา ที่บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

ขณะที่นางสาวรัชชุดา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่ามีการขาดส่งสินค้าจริง ซึ่งได้เคยชี้แจงกับลูกค้าไปบางส่วนแล้ว โดยอ้างว่ามีคนมาดักรอที่บ้านพัก ทำให้ไม่กล้าออกจากบ้านไปส่งของ รวมถึงติดช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ด้วย แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังคงทยอยส่งของให้ลูกค้าอยู่เรื่อยๆ



นอกจากนี้ยังยืนยันว่าตนได้ทำเรื่องดังกล่าวเพียงคนเดียว โดยศึกษามาจากเพจเฟสบุ๊คอื่นๆ และใช้เทคนิคในการจูงใจลูกค้าด้วยการโพสต์รูปในเพจบ่อยๆ และพูดคุยให้ลูกค้าหลงเชื่อ รวมถึงยังมีลูกข่ายของตัวเองอีกกว่า 10 ราย
ส่วนเงินที่ได้จากการขายทองให้ลูกค้า ตนได้กำไรไม่มาก และไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปซื้อรถ บ้าน หรือที่ดินแต่อย่างใด

ส่วนทองที่นำมาประมูลนั้น นางรัชชุดา เปิดเผยว่า ตนไปซื้อทองมาในราคาตามท้องตลาด และนำมาประมูลในราคาที่ต่ำกว่าทุน ประมาณ 3 พันบาท ซึ่งนำเงินที่ได้จากการประมูลไปหมุน ไปซื้อทองในล๊อตต่อไป โดยมียอดเงินหมุนเวียนรวมทั้งหมดตั้งแต่เปิดเพจเฟสบุ๊คกว่า 90 ล้านบาท

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  พร้อมนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำต่อที่ ปอท. เพื่อขยายผลและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป