หนุ่มวัย 27 ปีดีใจ ตร.ลบประวัติอาชญากร

2018-01-23 17:40:29

หนุ่มวัย 27 ปีดีใจ ตร.ลบประวัติอาชญากร

Advertisement

หนุ่มวัย 27 ปีพนักงานบริษัทดีใจได้ทำงานต่อ หลังตำรวจลบชื่อออกจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ไม่มีประวัติเป็นผู้ใช้สารเสพติด  

เมื่อวันที่ 23 พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และโฆษก ตร. แถลงความคืบหน้ากรณีนายเฉลิมพล อยู่ดี อายุ 27 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งเข้าร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดจนต้องถูกคุมขังนาน 7 วัน เหตุเกิดเมื่อปี 2553 โดยนายเฉลิมพลถูกตรวจปัสสาวะด้วยชุดทดสอบเบื้องต้นขึ้น 2 ขีด ในชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนจึงส่งปัสสาวะไปตรวจอีกครั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.ชลบุรี ปรากฎว่าไม่พบสารเสพติด ตำรวจจึงได้สรุปสำนวนความเห็นส่งไปที่อัยการเพื่อสั่งไม่ฟ้อง แต่ปรากฎว่ายังมีชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากรจนเกือบถูกให้ออกจากงาน ว่า ขั้นตอนการส่งสำนวนไปที่อัยการปรากฎว่าทางอัยการไม่รับสำนวนเพราะต้องการผลรายงานผลการฟื้นฟู เจ้าหน้าที่ที่เดินเอกสารจึงนำสำนวนกลับมาเก็บไว้ที่ห้องเก็บสำนวน สภ.เมืองชลบุรี พ.ต.ต.วินิจ ผันอากาศ เจ้าของสำนวนยศในขณะนั้น คิดว่าสำนวนออกไปแล้วจึงไม่ได้ติดตามเลยทำให้สำนวนคดีนั้นอยู่ในห้องเก็บสำนวนที่มีเอกสารจำนวนมาก หลังได้รับการประสานจากผู้ร้อง เมื่อวานได้ระดมค้นหาสำนวนตัวจริง เมื่อพบได้ดำเนินการไปขอรายงานจากสถานฟื้นฟูแล้วนำสำนวนไปส่งอัยการ อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จึงนำความเห็นดังกล่าวมาที่กองทะเบียนประวัติอาชญากรลบชื่อออกจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรเรียบร้อย ไม่มีประวัติเป็นผู้ใช้สารเสพติดแต่อย่างใด


รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ส่วนความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน และเจ้าหน้าที่เดินเอกสารว่าใครมีความบกพร่องหรือไม่อย่างไร หากพบว่าใครบกพร่องจะดำเนินพิจารณาทัณฑ์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ แต่เป็นเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่เดินเอกสาร ส่วนขั้นตอนการเยียวยาเป็นสิทธิ์ที่ผู้ร้องดำเนินการได้ถ้าเขาเห็นว่าได้รับความเสียหาย รวมถึงการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ท้ายสุดแล้วผลจะเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุสุดวิสัยหรือความผิดพลาดในระบบการติดต่อสื่อสารเป็นดุลพินิจของศาล กรณีนี้จะเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นในโรงพักอื่นอีก




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.ต.อวิระชัย ได้มอบเอกสารการรับรองผู้ไม่มีประวัติในกองทะเบียนประวัติอาชญากรให้นายเฉลิมพล ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า นายเฉลิมพล รับสารภาพว่าเป็นผู้เสพในชั้นจับกุมแต่ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนนั้น นายเฉลิมพล ได้ชี้แจงว่าไม่ได้เสพยาโดยได้ปฏิเสธตั้งแต่อยู่ที่ด่านแล้ว แต่เมื่อไปถึงโรงพักการเซ็นเอกสาร เห็นแต่ตราครุฑ 7-8 ใบ เขาบอกให้เซ็นก็เซ็น ตำรวจบอกว่า เซ็นๆกไปก่อนเถอะ ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องรู้มันคืออะไร จึงเซ็นไปเพราะกลัวไม่รู้จะโดนอะไรไหม เขาพูดแบบใส่อารมณ์ ต่อจากนี้จะไปที่กรมคุ้มครองสิทธิ์กระทรวงยุติธรรมเพื่อขอคำปรึกษาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป



ผู้สื่่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้  พ.ต.อ.วินิจ ผันอากาศ ผกก.สอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เจ้าของสำนวนได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและได้พบกับนายเฉลิมพล เป็นครั้งแรกพร้อมเปิดเผยว่า สำนวนสอบสวนเสร็จสิ้นเมื่อปี 2553 เมื่อไปส่งอัยการสำนวนขาดเอกสารการคุมประพฤติและคำวินิจฉัย จึงนำสำนวนกลับมาและรอติดตามผล ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ได้เก็บเรื่องไว้ จึงไม่ทราบ จากนั้นโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นกระทั่งทราบว่านายเฉลิมพล มาติดตามจึงมาค้นหาสำนวน เมื่อพบแล้วจึงรีบดำเนินการให้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องระหว่างส่งเอกสาร เมื่อทราบปัญหาจึงได้รีบแก้ปัญหาให้ภายในวันเดียว ในนามส่วนตัวและหน่วยงานต้องขออภัยนายเฉลิมพล ที่ต้องมีประวัติติดตัว จากนั้นทั้ง2คนจึงจับมือกัน




นายเฉลิมพล กล่าวว่า รู้สึกดี สบายใจขึ้น ส่วนบริษัทที่ทำงานทราบเรื่องแล้ว ให้ทำงานต่อตามปกติ แต่ก็ยังติดใจอยู่นิดว่าทำไมต้องรอให้เวลาผ่านมากว่า 7 ปี รอให้มีเรื่องก่อนจึงแก้ไข