×ข่าวรายการผังรายการรายการสด ร่วมงานกับเราติดต่อเรา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา
2019-02-19 22:25:49

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา 2562


เมื่อเวลา 14.17 น. วันที่ 19 ก.พ. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2562 ณ อุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายในพระบรมมหาราชวัง  


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนรุ่งและธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระสัมพุทธพรรณี แล้วทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมมาสน์ศิลา ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์


ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเทียนชนวน ทรงหยิบเทียนชนวนจุดไฟที่โคมไฟฟ้าซึ่งเจ้าพนักงานพระราชพิธีถือถวาย แล้วพระราชทานเทียนชนวนที่ทรงจุดให้ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เชิญไปถวายเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จุดเทียนรุ่งที่ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน 5 พระอาราม พระสงฆ์ 30 รูปเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นทรงโปรยดอกมะลิที่ธรรมมาสน์ศิลา ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานเจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่ธรรมมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีล 



ในการนี้ พระเทพสังวรญาณ วัดบวรนิเวศวิหาร ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง "โอวาทปาติโมกข์คาถา" ใจความว่า วันมาฆบูชาถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่เกิด "จาตุรงคสันนิบาต" หรือเหตุอัศจรรย์ 4 ประการ คือ เป็นวันที่พระสงฆ์ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย, พระสงฆ์ที่มาประชุมนั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า, พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ และวันที่มาประชุมนั้น ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ


สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักคำสอนคือการไม่ทำชั่วทั้งปวง ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำใจให้บริสุทธิ์ ที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก การไม่ทำบาปทั้งปวงนั้น รวมถึงการไม่ทำบาปทั้งกายวาจาใจ ตรัสสอนว่าหากท่านทั้งหลายกลัวความทุกข์ความเดือดร้อนต่างๆ ท่านอย่าได้ทำบาปทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ดั่งคำตรัสเตือนไว้ว่า "อันความชั่วไม่ทำเสียดีกว่า" การทำกุศลให้ถึงพร้อมมี 3 องค์ได้แก่ การให้ทานต้องมีเจตนาดี ผู้ให้ตรงมีเจตนาดีครบถ้วน และผู้รับต้องเป็นคนดีมีคุณธรรม ย่อมมีอานิสงส์มาก และทรงสอนไว้หากบุคคลทำบุญไซร้ก็ควรทำบ่อยๆ เพราะการสั่งสมบุญจะนำความสุขมาให้

เมื่อแสดงธรรมเทศนาจบแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระเทพสังวรญาณ ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระเทศน์ แล้วทรงยืนประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งจะเดินเข้าไปรับจนหมด พระสงฆ์ถวายอดิเรกจบแล้วออกจากพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการทองใหญ่ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ แล้วเสด็จฯ กลับ